5 รัฐขานรับนโยบาย “ปธน.ทรัมป์” กลับมาเปิดศก. สัปดาห์หน้า

Virus Outbreak Florida

ผู้ว่าการรัฐอย่างน้อย 5 รัฐในอเมริกา สนับสนุนนโยบายผ่อนคลายล็อคดาวน์และกลับมาดำเนินกิจการทางเศรษฐกิจตามปกติในพื้นที่เร็วๆนี้ ด้านผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ชี้เปิดเศรษฐกิจได้ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป

ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ คูโอโม กล่าวก่อนการเข้าพบประธานาธิบดีทรัมป์ที่กรุงวอชิงตันในอังคาร เพื่อหารือถึงสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐนิวยอร์ก รวมถึงต้องการร้องขอรัฐบาลกลางให้ช่วยเหลือด้านเคมีภัณฑ์สำหรับใช้ตรวจวัดเชื้อโควิด-19 โดยสารสำคัญคือน้ำยา “Reagent” ที่ควบคุมโดยรัฐบาลกลาง โดยบอกว่าขณะนี้ห้องแล็บจำนวน 211 แห่งในรัฐนิวยอร์กกำลังประสบปัญหาการจัดซื้อเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดเชื้อจากต่างประเทศเช่นเดียวกัน

นาย คูโอโม ประเมินว่าหากจะมีการผ่อนปรนหรือปลดล็อคธุรกิจและสถานศึกษาให้กลับมาดำเนินการตามปกติ จะต้องทำไปทีละพื้นที่ โดยพื้นทีตามชานเมืองมีโอกาสที่จะกลับมาเปิดได้ตามปกติเร็วกว่าพื้นที่ในเมืองใหญ่อย่างมหานครนิวยอร์ก

ขณะที่ตอนนี้ ผู้ว่าการรัฐอย่างน้อย 5 รัฐทั่วอเมริกา ขานรับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการกลับมาดำเนินกิจการทางเศรษฐกิจในเร็ววันนี้ ทั้งจอร์เจีย ฟลอริดา เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี และเท็กซัส ที่มีแผนการกลับมาเปิดเศรษฐกิจภายในสัปดาห์หน้า แต่ยังคงมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอยู่

การผลักดันการเปิดเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยแก้ปัญหาการว่างงาน หลังจากชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการว่างงานราว 22 ล้านคนภายในเดือนเดียวที่ประกาศมาตรการล็อคดาวน์กว่า 40 รัฐทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ในผลสำรวจโดยวอชิงตันโพสต์และมหาวิทยาลัย University of Maryland ที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร ระบุว่า 2 ใน 3 ของชาวอเมริกันในการสำรวจ เชื่อว่าจะเปิดเศรษฐกิจได้ในช่วงเดือนมิถุนายนหรือช้ากว่านั้น

และเมื่อต้นสัปดาห์นี้มหาวิทยาลัย University of Southern California หรือ USC ร่วมกับกรมสาธารณสุขของเขตเมืองลอสแอนเจลีส รายงานผลการศึกษาชี้จำนวนผู้เคยติดเชื้อโควิด-19 จริงในพื้นที่สูงกว่าที่ประเมินไว้

ทั้งสองหน่วยงานร่วมทำการศึกษาวิจัย เก็บตัวอย่างในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยการใช้ Antibody test แบบเร่งด่วนกับกลุ่มตัวอย่าง พบว่าน่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อไปแล้วราว 221,000 ถึง 442,000 ราย ในพื้นที่เขตเมืองแอนเจลีส แม้ปัจจุบันจะมีการยืนยันผู้ติดเชื้ออย่างน้อยเพียง 7,994 ราย ซึ่งตัวเลขจากการทำวิจัยนี้สูงกว่าตัวเลขที่รายงานถึง 28 ถึง 55 เท่าเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีการตรวจ Antibody test ใช้เพื่อตรวจสอบภูมิคุ้มกันซึ่งจะแสดงเฉพาะผู้ที่เคยติดเชื้อไปแล้ว แต่หากต้องการหาผู้ที่กำลังมีเชื้อต้องตรวจด้วยเลือดผ่านวิธีที่เรียกว่า PCR ทางกลุ่มวิจัยวางแผนจะทำการเก็บข้อมูลต่อไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจในสถานการณ์แพร่ระบาดนี้ให้ดียิ่งขึ้น

สถานการณ์ล่าสุดในสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อกว่า 810,000 คน และเสียชีวิตราว 44,000 คน