ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อของสหรัฐฯ ออกมาเตือนผู้ประท้วงในบางรัฐของประเทศที่เรียกร้องให้ทางการเปิดภาคธุรกิจที่ไม่จำเป็นเปิดทำการได้ตามปกติ ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวได้ หากยังไม่มีการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้จริง
ในการประท้วงต่อต้านคำสั่งของผู้ว่าการรัฐต่างๆ ที่ปะทุขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้ร่วมประท้วงบางราย เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทวีตข้อความเชิงสนับสนุนให้ประชาชนในรัฐมิชิแกน เวอร์จิเนีย และมินนิโซตา กดดันทางการรัฐให้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 สั่งการให้ไล่นายแพทย์ แอนโธนี่ เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่ง ในฐานะที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับแผนเปิดภาคธุรกิจในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม นพ. เฟาชี่ ให้สัมภาษณ์กับรายการ Good Morning America ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ในวันจันทร์ว่า ผู้ประท้วงทั้งหลายกำลังทำการที่อาจทำให้โอกาสของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้เต็มที่นั้นเสียหาย
นพ. เฟาชี่ ย้ำว่า หากไม่มีการควบคุมไวรัสนี้ให้ได้ การฟื้นตัวอย่างจริงจังของเศรษฐกิจจะไม่มีทางเกิดชึ้นได้ และการเร่งทำอะไรก่อนเวลาอันควร แล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อเกิดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เรียกร้องเรื่องนี้จะต้องจ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในที่สุด
การประท้วงกลุ่มเล็กๆ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนปธน.ทรัมป์ เกิดขึ้นในเมืองหลวงของหลายรัฐนั้น พุ่งประเด็นไปที่การละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญภายใต้คำสั่งให้ภาคธุรกิจปิดทำการชั่วคราว และคำแนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ภายในเคหะสถานและรักษาระยะห่างทางสังคมเมื่ออยู่ภายนอก
ในระหว่างการแถลงข่าวประจำวันที่ทำเนียบขาว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ออกมาให้ความเห็นว่า ผู้ว่าการรัฐบางราย “ทำเกินเลย” ในการดำเนินมาตรการจำกัดต่างๆ และระบุว่า ประชาชนเองมีสิทธิ์ที่จะออกมาประท้วง
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รัฐทั้งหลายจะเปิดภาคธุรกิจให้ทำการตามปกติในที่สุดอยู่ดี แต่ผู้ว่าการบางรัฐ ยังคงยืนยันว่าสถานการ์ภายในรัฐของตนยังไม่พร้อมเปิดทำการใดๆ ในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการขาดแคลนอุปกรณ์ทดสอบการติดเชื้อในพื้นที่ต่างๆ ยังดำเนินอยู่
ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังสรุปข้อตกลงกับบริษัทแห่งหนึ่งให้เร่งผลิตอุปกรณ์เก็บตัวอย่างเชื้อจำนวน 10 ล้านชิ้นต่อเดือน และกำลังใช้อำนาจบังคับให้บริษัทอีกแห่งเพิ่มกำลังการผลิตอุปกรณ์นี้อีกเดือนละกว่า 20 ล้านชิ้นด้วย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ซึ่งรับผิดชอบทีมเฉพาะกิจโคโรนาไวรัสของทำเนียบขาว ยืนยันผ่านรายการ Fox News Sunday ว่า เขาเชื่อว่า รัฐต่างๆ นั้นมีชุดทดสอบจำนวนมากพอ ที่จะตัดสินใจเริ่มเฟส 1 จากทั้งหมด 3 เฟสของแผนเปิดภาคธุรกิจอย่างช้าๆ ของรัฐบาล
แต่แลร์รี โฮแกน ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน บอกกับสถานีข่าว ซีเอ็นเอ็น ว่า สิ่งที่รัฐบาลกลางคิดนั้นไม่ตรงกับความจริงแม้แต่น้อย ขณะที่ ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ราล์ฟ นอร์แธม โต้กลับ ว่า ทั้งปธน.ทรัมป์ และรองปธน.เพนซ์ “หลงผิด คิดไปเอง” ว่ารัฐบาลแต่ละรัฐมีอุปกรณ์ดังกล่าวมากขนาดนั้น