Your browser doesn’t support HTML5
ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve – Fed) ยืนยันว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการระบาดของโควิด-19 จะพุ่งขึ้นสูงก็ตาม พร้อมส่งสัญญาณความพร้อมที่จะผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจในอนาคต ตามรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์
คำแถลงของ Fed หลังการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันที่ออกมาในวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่า “เพราะความคืบหน้าการแจกจ่ายวัคซีน และแรงหนุนจากนโยบายอันแข็งแกร่ง (ของรัฐบาล) ดัชนีชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และอัตราการจ้างงานปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง” พร้อมเผยว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันจะเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่านับตั้งแต่การประชุมระบบธนาคารกลางเมื่อเดือนมิถุนายน Fed ยังคงมีความมั่นใจว่า การเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน “จะช่วยลดผลกระทบของวิกฤตสาธารณสุขต่อเศรษฐกิจได้” และยังจะอำนวยให้มีการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ได้ต่อไปด้วย
นอกจากนั้น ที่ประชุม Fed ยังระบุว่า ผู้บริหารธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเดินหน้าหารือเกี่ยวกับเงื่อนเวลาในการลดระดับการซื้อคืนพันธบัตรรายเดือนที่ตั้งเป้าไว้ที่ 120,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายถึงการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงด้วย
เมื่อเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว Fed ประกาศว่า ระบบธนาคารกลางจะไม่ทำการเปลี่ยนแปลงแผนงานซื้อคืนพันธบัตรจนกว่า “จะมีความคืบหน้าอันเป็นรูปธรรม” ในตลาดแรงงาน ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งงานหายไปถึง 10 ล้านตำแหน่ง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19
ขณะนี้ ตัวเลขตำแหน่งงานที่หายไปลดลงมาที่ระดับไม่ถึง 7 ล้านคนแล้ว ซึ่งทำให้ Fed ออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นไปในทิศทางที่จะเอื้อให้ธนาคารกลางลดระดับการซื้อคืนอพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมระยะยาวของทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่
นอกจากนั้น Fed ยังกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่นี้ เป็นผลมาจาก “ปัจจัยเปลี่ยนถ่าย” ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า สภาพการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงเร่งด่วนใดๆ
และภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรอบนี้ Fed ตัดสินใจคงระดับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ใกล้ 0 เปอร์เซ็นต์ และยังไม่เปลี่ยนแปลงเป้าการซื้อคืนพันธบัตรในเวลานี้