รายงานการตรวจสอบชิ้นใหม่ในสหรัฐฯ ระบุว่ามีชาวต่างชาติจำนวนมากที่ทำงานให้กับสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ (FBI) ทั้งในฐานะพยานและผู้ให้เบาะแส หายตัวไปในสหรัฐฯ ระหว่างปี ค.ศ. 2015 - 2017
ผู้ตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยด้วยว่า มีหลายกรณีที่เอฟบีไอมิได้แจ้งการหายตัวของชาวต่างชาติผู้นั้นให้กับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ทราบ
มีโครงการรับคนเข้าเมืองหลายโครงการที่อนุญาตให้หน่วยงานรักษากฎหมายของสหรัฐฯ เช่น FBI หรือสำนักงานควบคุมยาเสพติด หรือ DEA สามารถนำตัวชาวต่างชาติเข้ามาในสหรัฐฯ แบบชั่วคราวได้ในฐานะพยานหรือผู้ให้เบาะแสในคดีสำคัญต่างๆ เช่น คดีอา๙ญากรรม หรือคดีที่เกี่ยวกับการก่อการร้าย
คุณเดวิด โกเมซ อดีตเจ้าหน้าที่ FBI กล่าวว่า ชาวต่างชาติเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารเข้าเมือง และบางคนอาจมีประวัติอาชญากรรมติดตัว
จากการตรวจสอบพบว่า FBI และ DEA มักจะไม่ได้ติดตามชาวต่างชาติเหล่านั้นอย่างใกล้ชิดหลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว และไม่ได้แจ้งให้กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิทราบเมื่อคนเหล่านั้นหายตัวไป
จากสถิติพบว่า ระหว่างปี ค.ศ. 2015 - 2017 มีชาวต่างชาติเกือบ 5,000 คนที่เดินทางเข้ามาในอเมริกาโดยมีหน่วยงานด้านกฎหมายของสหรัฐฯ เป็นผู้รับรอง ในขจำนวนนี้ราว 1 ใน 5 พบว่าเอกสารคนเข้าเมืองและวีซ่าของพวกเขาหมดอายุไปแล้ว
รายงานพบด้วยว่า มีชาวต่างชาติ 61 คนในการดูแลของ FBI ที่หลบหนีกลายเป็นคนผิดกฎหมาย โดยทาง FBI แจ้งให้กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิทราบเพียง 22 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทาง FBI และ DEA ยืนยันว่ายินดีให้ความร่วมือกับกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิเพื่อติดตามคนเหล่านั้นกลับมา