สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายแพทย์แอนโธนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวในวันอาทิตย์ว่า ตนจะรับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทเวชภัณฑ์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ที่เพิ่งผ่านการรับรองของคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ให้ใช้ได้เป็นการฉุกเฉิน
นายแพทย์เฟาชี่ กล่าวกับรายการ “Meet the Press” ของสถานีเอ็นบีซี สนับสนุนให้คนอเมริกันทุกคนรับการฉีดวัคซีนของ 1 ใน 3 บริษัทที่ได้รับการรับรองจาก FDA แล้ว คือของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) บริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNTech) และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แตกต่างจากของสองบริษัทที่กำลังใช้อยู่ในสหรัฐฯ ตรงที่ฉีดเพียงหนึ่งเข็มเท่านั้น และสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิปกติของตู้เย็น ส่วนวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค และของโมเดอร์นา ต้องฉีดสองเข็มจึงจะได้ผลตามที่ทดลอง และต้องเก็บในอุณหภูมิเย็นจัดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วัคซีนของสองบริษัทก่อนหน้านี้ให้ประสิทธิผลสูงกว่าของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในการทดสอบครั้งสุดท้ายก่อนจะเริ่มนำมาใช้จริง
คณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA ลงมติอนุมัติให้ใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมื่อคืนวันศกุร์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะผ่านการรับรองขั้นสุดท้ายในวันอาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มแจกจ่ายและฉีดให้ประชาชนได้ในวันจันทร์เป็นต้นไป
นายแพทย์เฟาชี่ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงอัตราประสิทธิผลที่แท้จริงของวัคซีนจากจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมื่อเทียบกับของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค และของโมเดอร์นา รวมทั้งการศึกษาว่าสามารถใช้กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ โดยตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนโควิดให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาทั้งหมดได้ก่อนสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ขณะที่นักเรียนมัธยมศึกษาน่าจะสามารถได้รับวัคซีนในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้
จนถึงขณะนี้มีคนอเมริกันราว 14% ได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส โดยประธานาธิบดีไบเดนเชื่อว่าคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่เกือบทั้งหมดจะได้รับวัคซีนภายในฤดูร้อนปีนี้