ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสุนัขเพื่อการบริโภคในเกาหลีใต้ราว 200 คน รวมตัวประท้วงใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดี เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกแผนเสนอกฎหมายห้ามกินเนื้อสุนัข ที่แม้รับประทานกันมาหลายศตวรรษ แต่ก็เป็นประเด็นที่อ่อนไหวมากขึ้น
รอยเตอร์รายงานว่า การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นในกรุงโซล โดยมีผู้ประท้วงจำนวนหลายสิบรายพยายามขับรถเข้าไปด้านหน้าทำเนียบประธานาธิบดี แล้วจะปล่อยสุนัขที่ขนมาในกรง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบเสียก่อนและได้สั่งให้ถอยออกไป
พรรครัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดียูน ซุก-ยอล ได้นำเสนอกฎหมายที่จะยกเลิกการเลี้ยงและขายสุนัขเพื่อการบริโภค โดยจะมีช่วงเวลาผ่อนผันสามปี และให้มีเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ต้องปิดธุรกิจจากกฎหมายดังกล่าว
รอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบัน ในเกาหลีใต้ ที่มีประชากรทั้งประเทศราว 51 ล้านคน มีมากกว่า 6 ล้านครัวเรือนมีสุนัขอยู่ด้วยในฐานะสัตว์เลี้ยง โดย ปธน.ยูน และภริยาเองก็เลี้ยงสุนัขถึงหกตัว
การสำรวจของแกลลัพ โพล ของเกาหลีเมื่อปีที่แล้วระบุว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 64% คัดค้านการบริโภคเนื้อสุนัข และมีผู้ตอบแบบสอบถาม 8% เท่านั้นที่ได้กินเนื้อสุนัขในช่วงปีที่ผ่านมา น้อยกว่าเมื่อปี 2015 ที่อยู่ที่ 27%
จู ยอง-บอง ตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมฟาร์มเนื้อสุนัขที่นำการประท้วงเมื่อวันพฤหัสบดี กล่าว่านักการเมืองไม่มีสิทธิ์ที่จะมาปิดธุรกิจ หรือตัดสินใจแทนประชาชนว่าควรกินอะไร
“เราไม่สามารถเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่ามัน (การกินเนื้อสุนัข) เป็นเรื่องป่าเถื่อน เพราะทุกประเทศมีขนบธรรมเนียมในด้านการปศุสัตว์ ที่บางจุดก็ไปถึงการกินเนื้อสุนัข และก็ยังมีบางประเทศที่เป็นแบบนั้นอยู่”
จูกล่าวว่า กลุ่มฟาร์มเนื้อถูกกันออกจากการหารือในเรื่องกฎหมายดังกล่าว และการชดเชยทางการเงินก็ไม่เพียงพอกับความสูญเสียของพวกเขา
กลุ่มผู้ประท้วงมีการยื้อยุดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีจำนวนมากกว่า และได้ตั้งแนวกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนเข้าไปใกล้กับทำเนียบ ผู้จัดการประท้วงระบุว่า จู และผู้ประท้วงอีกสองรายถูกตำรวจจับกุมในช่วงชุลมุนดังกล่าว
แม้การกินเนื้อสุนัขจะได้รับความนิยมลดลง แต่ก็มีความพยายามจากฟาร์มเนื้อ และเจ้าของร้านอาหารที่ยังขายเมนูเนื้อสุนัขอยู่ในการทำให้การบริโภคเนื้อเจ้าสัตว์สี่ขานี้ไม่ผิดกฎหมาย
พวกเขากล่าวหาภริยาของ ปธน.ยูน ผู้ซึ่งคอยวิจารณ์การกินเนื้อสุนัข ว่าใช้แรงกดดันอย่างไม่เหมาะสมในการทำให้รัฐบาลต้องออกกฎหมายดังกล่าว
ด้านทำเนียบประธานาธิบดีออกแถลงการณ์ในประเด็นข้างต้น ระบุว่า “สุภาพสตรีหมายเลยหนึ่งพูดถึงปัญหาดังกล่าวด้วยความสนใจอย่างยิ่ง และก็มีเสียงสนับสนุนอย่างเป็นฉันทานุมัติจากทั้งในประเทศ ต่างประเทศ รวมถึงพรรคฝ่ายค้านด้วย”
- ที่มา: รอยเตอร์