FAA สั่งตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องโบอิ้ง 777 บางส่วน

Your browser doesn’t support HTML5

Business News


สำนักงานควบคุมการบินของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FAA สั่งเริ่มการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวนหลายลำเป็นการด่วน หลังเกิดเหตุเครื่องยนต์ประเภทเดียวกันของสายการบิน ยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ระเบิดหลังขึ้นบินเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว

ตามคำสั่งของ FAA ฉบับล่าสุดนี้ สายการบินทุกแห่งที่ใช้เครื่องโบอิ้ง 777 ที่ใช้เครื่องยนต์ PW4000 ของบริษัท Pratt & Whitney ต้องทำการตรวจสอบใบพัดที่ด้านหน้าของตัวเครื่องยนต์ด้วยการถ่ายภาพความร้อน หลังจากที่ คณะกรรมการความปลอดภัยทางการคมนาคมแห่งชาติ (NTSB) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ใบพัดที่แตกในเครื่องยนต์ของสายการบิน ยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ เที่ยวบินที่ 328 และติดไฟลุกไหม้นั้น สอดคล้องกับสภาพที่เรียกว่าภาวะความล้าหรือความเสียหายของโลหะ

FAA เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบเบื้องต้นและข้อมูลจากการสืบสวนล่าสุด อาจทำให้ทางสำนักงานฯ ปรับเปลี่ยนคำสั่งเกี่ยวกับความถี่ของการตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าวของเครื่องยนต์จากนี้ไป

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมของปี ค.ศ. 2019 เครื่องบินของสายการบินนี้ประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง สืบเนื่องมาจากความเสียหายที่ตัวใบพัดเครื่องยนต์มาแล้วครั้งหนึ่ง และ FAA ได้ออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบชิ้นส่วนนี้เมื่อใบพัดหมุนครบทุก 6,500 รอบ โดยการนำเครื่องขึ้นและลง 1 ครั้งคิดเป็นการหมุน 1 รอบ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ได้มีการแจ้งให้สายการบินในประเทศตรวจสอบใบพัดเครื่องยนต์ทุกๆ 1,000 รอบ ตามคำแนะนำจากบริษัท Pratt & Whitney ที่เสนอมาหลังเกิดเหตุเครื่องยนต์ระเบิดเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

โดยปกติ สายการบินหนึ่งๆ จะทำบันทึกการหมุนของใบพัดของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ได้ถึง 1,000 รอบทุกๆ 10 เดือนโดยประมาณ ตามข้อมูลของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้

บริษัท โบอิ้ง เองได้ออกคำแนะนำให้สายการบินต่างๆ ระงับใช้เครื่องบินรุ่นที่มีเครื่องยนต์ PW4000 ไว้ก่อน ระหว่างที่ FAA เดินหน้าทำการตรวจสอบเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่