หลังการสอบสวนนานเกือบ 2 ปีผ่านพ้นไป สำนักงานควบคุมการบินของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FAA ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามบินสำหรับเครื่องรุ่น 737 แม็กซ์ ของ บริษัทโบอิ้ง ที่บังคับใช้ภายหลังเหตุเครื่องรุ่นดังกล่าวตก 2 ครั้ง
FAA ให้เหตุผลว่าสำหรับการยกเลิกคำสั่งห้ามบินที่ออกมาในวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯ ว่า เป็นเพราะ โบอิ้ง ได้อัพเกรดโปรแกรมซอฟต์แวร์ของตนและปรับเปลี่ยนรายละเอียดการฝึกอบรบการใช้เครื่องหลังการหยุดบินนาน 20 เดือน ซึ่งถือเป็นการพักการใช้เครื่องบินยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมการบินพาณิชย์เลยทีเดียว
ทั้งนี้ คำสั่งห้ามบินเครื่อง โบอิ้ง 737 แม็กซ์นั้นมีออกมาหลังเกิดเหตุเครื่องรุ่นนี้ตกที่อินโดนีเซียและเอธิโอเปียในปีค.ศ. 2018 และ 2019 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันถึง 346 ราย และนำมาซึ่งการสอบสวนจากหลายหน่วยงาน ทั้งยังทำให้สถานภาพความเป็นผู้นำด้านการบินโลกของสหรัฐฯ สั่นคลอน และทำให้โบอิ้งต้องสูญเสียเงินไปราว 20 ล้านดอลลาร์ด้วย
แต่การที่บริษัท โบอิ้ง เตรียมจะนำเครื่องบินรุ่นที่ขายดีที่สุดของตนรุ่นนี้ขึ้นทำการบินเชิงพาณิชย์อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ในช่วงที่ทั่วโลกยังตกอยู่ในวิกฤตการระบาดของโควิด-19 และยุโรปกำลังดำเนินการเรียกเก็บภาษีนำเข้า รวมทั้งมีประเด็นของการสูญเสียความมั่นใจในแบรนด์โบอิ้งของผู้เกี่ยวข้องอยู่ และคดีฟ้องร้องจากครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องตกอีกหลายคดี
และแม้ FAA จะยกเลิกคำสั่งห้ามบินแล้ว โบอิ้ง ยังรอให้หน่วยงานกำกับดูแลกิจการในยุโรป บราซิล และจีน อนุมัติให้สายการบินของตนใช้เครื่องรุ่นดังกล่าวหลังจากเสร็จสิ้นการทบทวนรายละเอียดทั้งหมดแล้ว
อย่างไรก็ดี สายการบิน อเมริกัน แอร์ไลนส์ มีแผนจะเริ่มนำเครื่องรุ่นนี้ของตนขึ้นบินอีกครั้งในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ขณะที่สายการบิน เซาธ์เวสต์ แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของเครื่อง 737 แม็กซ์ ยังจะรอทำการบินอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
รายงานข่าวที่อ้างข้อมูลจากผู้ที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ระบุว่า ทันทีที่มีการนำเครื่อง 737 แม็กซ์ ขึ้นบินอีกครั้ง ทีมงานโบอิ้งจะเปิดวอร์รูม 24 ชั่วโมง เพื่อสังเกตการณ์ประเด็นใดๆ ก็ตามที่อาจทำให้การทำการบินมีปัญหาได้