หัวหน้าฝ่ายนโยบายของสหภาพยุโรป โจเซพ บอร์เรลล์ กล่าวในวันอังคารว่า สหภาพยุโรปได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลให้รัสเซียมี "ทรัพยากรทางการเงิน" ลดลงสำหรับใช้ในการทำสงครามกับยูเครน
บอร์เรลล์ กล่าวว่า แม้สหภาพยุโรปไม่สามารถยับยั้งรัสเซียไม่ให้ขายน้ำมันแก่ลูกค้ารายอื่นได้ แต่ที่ผ่านมา ประเทศในยุโรปคือ "ลูกค้าสำคัญที่สุด" ของรัสเซีย และรัสเซียจำเป็นต้องขายน้ำมันในราคาที่ถูกลง
เมื่อวันจันทร์ บรรดาผู้นำยุโรปบรรลุข้อตกลงห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วน 2 ใน 3 เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย โดยจะรวมถึงการตัดการขนส่งน้ำมันจากรัสเซียด้วยเรือบรรทุกน้ำมัน แต่จะยกเว้นการส่งน้ำมันผ่านท่อขนส่งเอาไว้ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศในอียูที่พึ่งพาน้ำมันรัสเซีย
โดยข้อตกลงครั้งนี้จะไม่รวมฮังการี สโลวะเกีย และสาธารณรัฐเชก ซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปที่ยังต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้ ฮังการี ซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล ขู่ว่าจะคัดค้านมาตรการคว่ำบาตรนี้ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ได้เพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากสมาชิกอียูทุกประเทศอย่างเป็นเอกฉันทน์
Your browser doesn’t support HTML5
ประธานสภายุโรป ชาลส์ มิเชล คาดว่า บรรดาทูตของสหภาพยุโรปจะลงมติรับรองมาตรการคว่ำบาตรนี้ซึ่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียที่มีกำหนดจะประกาศในวันพุธ
ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่า ข้อตกลงนี้เมื่อใช้ร่วมกับมาตรการลดการนำเข้าน้ำมันที่ประเทศต่าง ๆ ในอียูนำมาใช้ จะลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียลงประมาณ 90% ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียยังรวมถึงการอายัดทรัพย์สินและการห้ามเดินทางเข้าสหภาพยุโรป ตลอดจนการห้ามธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย Sberbank เข้าร่วมในระบบธุรกรรมการเงินโลก SWIFT และการห้ามสื่อ 3 แห่งของทางการรัสเซียแพร่ภาพและกระจายเสียงในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
ในส่วนของยูเครนนั้น สมาชิกอียูตกลงจัดหาความช่วยเหลือมูลค่า 9,700 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและบูรณะประเทศที่เสียหายอย่างหนักจากสงครามด้วย
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์