Your browser doesn’t support HTML5
ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้ง 2 คน คือ โดนัลด์ ทรัมป์ และ ฮิลลารี คลินตั้น กลับสู่เส้นทางการตระเวนหาเสียงตามรัฐต่างๆ อีกครั้ง หลังจากเสร็จสิ้นการโต้อภิปรายรอบแรกเมื่อคืนวานนี้
นักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่านางคลินตั้นเป็นผู้ชนะบนเวทีดีเบตครั้งนี้ และน่าจะมีผลให้คะแนนนิยมของเธอเพิ่มขึ้นในช่วง 6 สัปดาห์ก่อนการการเลือกตั้ง
ก่อนหน้าการโต้อภิปรายหรือดีเบตเมื่อคืนวานนี้ ผลสำรวจคะแนนนิยมของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ ชี้ให้เห็นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนิยมตามหลัง ฮิลลารี คลินตั้น อยู่ราว 2%
แต่บรรดานักวิเคราะห์การเมืองและนักจัดทำแบบสำรวจหลายคน รวมทั้ง Nate Silverเชื่อว่า หลังการดีเบตรอบแรกซึ่งดูเหมือนนางคลินตั้นเป็นผู้ทำผลงานได้ดีกว่านั้น อาจจะทำให้คะแนนนิยมของเธอนำหน้าทรัมป์มากขึ้นเป็น 4%
ด้าน Alan Abramowitz นักรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Emory ที่นครแอตแลนต้า ระบุว่านางคลินตั้นทำผลงานได้ดีกว่า ด้วยการทำให้ทรัมป์เป็นฝ่ายตั้งรับเกือบตลอดทั้งการดีเบตเมื่อคืนนี้ โดยเฉพาะการโจมตีในเรื่องที่ทรัมป์ไม่ยอมเปิดเผยรายงานขอคืนภาษีเงินได้กับรัฐบาลสหรัฐฯ หรือเรื่องที่ทรัมป์ไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้กับผู้รับเหมาบางคนที่เขาว่าจ้างให้สร้างสนามกอล์ฟและโรงแรมคาสิโน ตลอดจนประวัติของทรัมป์ในการพูดจาให้ร้ายสตรี
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวบนเวทีดีเบตว่า ตนจะเปิดเผยรายงานด้านภาษีของตนก็ต่อเมื่อนางคลินตั้นยอมเปิดเผยอีเมล์อีก 33,000 ฉบับที่ถูกลบไป ขณะที่นางฮิลลารี คลินตั้น กล่าวว่าตนไม่เชื่อว่าทรัมป์จะกล้าเปิดเผยรายงานด้านภาษีดังกล่าว เพราะเขาได้ซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้
นักวิเคราะห์ Abramowitz บอกว่านางคลินตั้นแสดงถึงความสุขุม เยือกเย็น และคุมสติได้ดี อีกทั้งยังสามารถคุมประเด็นที่พูดได้ ขณะที่ทรัมป์ค่อนข้างฉาบฉวยในประเด็นต่างๆ ซึ่งตนเชื่อว่าทรัมป์ไม่สามารถชี้แจงในเรื่องเกี่ยวกับเพศและเชื้อชาติได้ดีพอ
ส่วนอาจารย์ Andra Gillespie แห่งมหาวิทยาลัย Emory เชื่อว่าหลังจากนี้โดนัลด์ ทรัมป์ อาจต้องฝึกฝนและเตรียมการดีเบตให้ดีกว่าเดิม ก่อนที่จะถึงการดีเบตครั้งหน้าในวันที่ 9 ตุลาคม และบอกว่าการที่นางคลินตั้นมีการเตรียมตัวที่ดีกว่า ทำให้เธอได้เปรียบในการโต้อภิปรายที่เพิ่งผ่านไป
ด้านนักวิเคราะห์ John Sides แห่งมหาวิทยาลัย George Washington มองว่า บรรดาผู้สื่อข่าวและผู้วิเคราะห์ทางโทรทัศน์ต่างให้ความเห็นว่าคลินตั้นเป็นผู้ชนะ ความเห็นมากมายเหล่านั้นปรากฏออกมาตามสื่อต่างๆ และส่งผลต่อทัศนคติของผู้ชมหรือผู้ฟังที่มีต่อการดีเบตเมื่อคืนนี้เช่นกัน ซึ่งหมายความว่าคลินตั้นได้ประโยชน์จากการรายงานข่าวหลังการดีเบตมากกว่าทรัมป์
และในวันนี้ ทรัมป์ได้ออกมาตำหนิการทำงานของ Lester Holt พิธีกรการโต้อภิปราย ว่าป้อนคำถามยากๆ ให้กับตน และให้คำถามง่ายๆ กับนางคลินตั้น นอกจากนี้ยังกล่าวโทษไมโครโฟนที่เขาใช้ว่ามีระดับเสียงเบากว่าไมโครโฟนที่คลินตั้นใช้
ทรัมป์ยังได้ให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่าตนทำได้ดีกว่านางคลินตั้น และให้เกรด C+ กับนางคลินตั้นสำหรับผลงานเมือคืน แต่ไม่ได้ให้เกรดสำหรับตัวเขาเอง
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าที่ปรึกษาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดเป็นนัยๆ ว่าทรัมป์อาจไม่เข้าร่วมการดีเบตในรอบที่ 2 ในวันที่ 9 ตุลาคม แต่ทรัมป์ยืนยันว่าเขาจะขึ้นดีเบตในอีก 2 ครั้งที่เหลือแน่นอน
และยังบอกด้วยว่า เขาเตรียมจะโจมตีนางคลินตั้นอย่างหนักหน่วงในการดีเบตครั้งหน้าด้วย
ผลสำรวจระบุว่า มีผู้ชมการดีเบตรอบแรกเมื่อคืนนี้หน้าจอโทรทัศน์ราว 81 ล้านคน และอีกหลายล้านคนชมผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้ชมการโต้อภิปรายของผู้สมัครประธานาธิบดีที่มีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
(ผู้สื่อข่าว Ken Bredemeier รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)