นายกเทศมนตรีหญิงกรุงวอชิงตัน สั่งเปลี่ยนชื่อถนน คนผิวสีก็มีค่า หรือ Black Lives Matter Plaza เพื่อเป็นเกียรติให้กับการเคลื่อนไหวทางสังคมอเมริกันครั้งล่าสุดนี้ ขณะที่ฝ่ายนักเคลื่อนไหวจี้ปรับแก้นโยบาย เร่งตัดงบตำรวจท้องถิ่นเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด
กรุงวอชิงตัน คาดว่าจะมีการประท้วงใหญ่ในวันเสาร์ และนายกเทศมนตรีหญิง มิวเรียล บาวเซอร์ ยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวไปตั้งแต่ค่ำคืนวันพฤหัสบดี หลังจากที่มีการชุมนุมโดยสันติตลอดทั้งสัปดาห์ และได้ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ถอนทหารและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐบาลกลางสหรัฐฯออกไปจากกรุงวอชิงตันเสีย
การผ่อนคลายเคอร์ฟิวของกรุงวอชิงตัน เหมือนกับท่าทีของนายกเทศมนตรีในเมืองใหญ่ ทั้งนครลอส แอนเจลิส นครซานฟรานซิสโก และซีแอตเติล ที่ยกเลิกเคอร์ฟิวช่วงค่ำคืนกันหมด
พร้อมกันนี้ นายกเทศมนตรีหญิงกรุงวอชิงตัน สั่งเปลี่ยนชื่อถนน 16 ที่มุ่งหน้าสู่ทำเนียบขาว ให้เป็นถนน Black Lives Matter Plaza ในวันศุกร์ และมีรายงานเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและผู้ประท้วงร่วมใจกันทาสีถนนด้วยสีเหลืองเป็นข้อความ Black Lives Matter ในวันศุกร์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงาน Black Lives Matter ของกรุงวอชิงตัน กลับวิจารณ์การกระทำของนายกฯเล็กกรุงวอชิงตันว่า เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่แท้จริง โดยทวีตข้อความว่า นายกเทศมนตรีบาวเซอร์มักยืนอยู่ผิดฝั่งในการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด พร้อมทั้งเรียกร้องให้กรุงวอชิงตันตัดงบประมาณให้กับตำรวจท้องถิ่นแทน
ตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งกำลังทหารและกองกำลังแนชันแนลการ์ดจากหลายรัฐ เข้ามาประจำการทั่วกรุงวอชิงตัน เพื่อรับมือกับการประท้วงในพื้นที่ โดยไม่สนเสียงวิจารณ์ถึงการใช้กำลังสลายการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา ไม่รวมทหารจากอีกหลายหน่วยงานที่ประจำการในรัฐใกล้เคียงซึ่งพร้อมยกพลเข้ากรุงวอชิงตันได้ทุกเมื่อ
มินนิโซตา หนุนแผนคุมตำรวจใช้กำลังเกินเหตุ
เมืองมินนีอาโปลิส รัฐมินนิโซตา ผลักดันข้อตกลงห้ามตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยด้วยการ “ล็อคคอ” ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของชายแอฟริกันอเมริกัน จอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งเป็นต้นตอของการประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมไปทั่วโลกมาร่วมสองสัปดาห์
ทางการเมืองมินนิอาโปลิส ผลักดันข้อตกลงดังกล่าวในวันศุกร์ และได้รับความเห็นชอบจากทางการรัฐมินนิโซตา ในการห้ามตำรวจล็อคคอผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาระหว่างการควบคุมตัว และมีมาตรการให้ตำรวจท้องถิ่นช่วยเป็นหูเป็นตา โดยสามารถแทรกแซงหรือรายงานการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รายอื่นได้