สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า มีประชาชนกว่า 10,000 คนถูกจับกุมระหว่างการประท้วงทั่วอเมริกาเพื่อเรียกร้องสิทธิคนผิวสีและความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์
จำนวนผู้ถูกตำรวจจับกุมตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวันในขณะที่การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปในหลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่ถูกจับกุมในข้อหาเล็กน้อย เช่น ละเมิดมาตรการเคอร์ฟิว ละเมิดคำสั่งเจ้าหน้าที่ ไปจนถึงปล้นร้านค้าต่าง ๆ
นครลอสแอนเจลีสคือจุดที่มีผู้ประท้วงถูกจับกุมมากที่สุด คิดเป็นมากกว่า 1 ใน 4 ของผู้ถูกจับกุมทั่วประเทศ ตามมาด้วยนครนิวยอร์ก นครดัลลัส และนครฟิลาเดลเฟีย
หัวหน้าสำนักงานตำรวจนครลอสแอนเจลีส ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมราว 2,500 คน ขณะที่มีรายงานผู้ถูกจับกุมที่นครนิวยอร์กราว 2,000 คน จนถึงวันพุธที่ผ่านมา
การประท้วงในนครนิวยอร์กเมื่อคืนวันพุธเริ่มต้นอย่างสันติเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน เมื่อประชาชนหลายพันคนเข้าร่วมในการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์
การประท้วงอย่างสันติเปลี่ยนไปเป็นความรุนแรงในทันทีหลังจากที่มาตรการเคอร์ฟิวเริ่มมีผลบังคับใช้ เมื่อตำรวจพยายามสลายการชุมนุมของฝูงชนในย่านแมนฮัตตันและบรู้คลิน โดยใช้สเปรย์พริกไทยและกระบองไล่ประชาชนให้ออกไปจากพื้นที่การชุมนุม
ตำรวจระบุว่า ชายผู้หนึ่งได้ใช้มีดโจมตีเจ้าหน้าที่ระหว่างการปราบปรามการปล้นร้านค้าในย่านบรู้คลิน ก่อนที่ชายผู้นั้นจะถูกยิงอาการสาหัส และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บสามนาย
และในขณะที่นักการเมืองหลายคนอ้างว่ากลุ่มผู้ประท้วงที่ก่อความวุ่นวายในเมืองต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่เดินทางมาจากเมืองอื่น ๆ เพื่อจุดประสงค์ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง แต่ AP รายงานว่า จากการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ถูกจับกุม พบว่าส่วนใหญ่เป็นประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ
ตัวอย่างเช่นที่กรุงวอชิงตัน รายงานระบุว่า 86% ของผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมมากกว่า 400 คน มาจากกรุงวอชิงตันและรัฐใกล้เคียง