สภาพอากาศอันตรายเพิ่มความเสี่ยงภารกิจดับไฟป่าทางภาคตะวันตกสหรัฐฯ

Flames lick at a roadside as the Tamarack Fire burns in the Markleeville community of Alpine County, Calif., on Saturday, July 17, 2021. (AP Photo/Noah Berger)

สภาพอากาศที่แล้งและลมพัดแรง รวมทั้งสภาพภูมิประเทศที่สลับซับซ้อน เพิ่มความเสี่ยงต่อภารกิจดับไฟป่าของบรรดาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐโอเรกอน ทางภาคตะวันตกของสหรัฐฯ ในขณะนี้

ที่รัฐโอเรกอน ไฟป่าบูทเลก (Bootleg Fire) กำลังลุกลามกินพื้นที่มากกว่า 1,210 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในไฟป่าที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในรัฐโอเรกอน โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เพียง 25% เท่านั้น

ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเปิดเผยว่า "เมฆไฟ" ทำให้ความพยายามควบคุมไฟป่าดิกซี (Dixie Fire) เป็นไปได้ยาก และไฟป่ายังลุกลามไปในพื้นที่ที่ยากเข้าถึงบริเวณ Feather River Canyon โดยไฟป่าดิกซีนี้กินพื้นที่ราว 74 ตารางกิโลเมตรทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เพียง 15%

ขณะเดียวกัน ไฟป่าทามาแรค (Tamarack Fire) ซึ่งเริ่มปะทุเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมบริเวณทะเลสาบทาโฮ ทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย ได้ขยายอาณาเขตไปราว 74 ตารางกิโลเมตรในคืนวันอาทิตย์

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ร้อนแล้ง และอาจเกิดฟ้าผ่าจนกลายเป็นไฟป่าเพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียและทางใต้ของรัฐโอเรกอน

ทางการของทั้งสองรัฐได้สั่งประชากรหลายพันคนอพยพออกจากพื้นที่ที่อาจเกิดไฟป่าแล้ว และส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าร่วมในภารกิจดับไฟป่าราว 800 คนในวันอาทิตย์ ในขณะที่มีบ้านเรือนถูกเผาทำลายไปแล้วอย่างน้อย 67 หลัง และอาคารอีกราว 100 แห่ง