Your browser doesn’t support HTML5
ในช่วงปีที่ผ่านมา มูลค่าสกุลเงินดิจิทัลพุ่งทำสถิติใหม่มากมาย จากการที่ บิตคอยน์ (Bitcoin) เข้าไปมีส่วนร่วมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีท แม้คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) จะเผชิญหน้าการปราบปรามครั้งใหญ่ในตลาดจีนก็ตาม จนทำให้มีคนตั้งข้อสงสัยว่า ปี 2021 คือ ปีทองของสกุลเงินดิจิทัลจริงหรือไม่
สำนักข่าวรอยเตอร์ รวบรวมสถิติและกระแสสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นกับคริปโตเคอร์เรนซีในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และชี้ว่า สกุลเงินบิตคอยน์ ยังคงเป็นเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งและเป็นที่รู้จักมากที่สุด โดยมูลค่าของสกุลเงินนี้พุ่งขึ้นถึง 120% นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา และแตะระดับ 65,000 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ เมื่อกลางเดือนเมษายน โดยมีปัจจัยหลักจากการที่นักลงทุนสถาบันแห่กันเข้าซื้อมากมาย และการที่สกุลเงินนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้นจากบริษัทชั้นนำหลายแห่ง เช่น เทสลา (Tesla) และผู้ให้บริการบัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด (Mastercard) รวมทั้งธนาคารที่ดำเนินธุรกิจวาณิชธนกิจทั้งหลายด้วย
เหตุผลที่นักลงทุนหลายรายให้ความสนใจในบิตคอยน์นั้น เป็นเพราะการที่สกุลเงินนี้ไม่ถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อเลย ทั้งยังเป็นสกุลเงินที่มีอุปทานจำกัด และผู้ลงทุนมีโอกาสทำกำไรได้เร็ว รวมทั้งซื้อขายได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม บิตคอยน์ก็หลีกไม่พ้นภาวะผันผวนง่ายๆ และมูลค่าของสกุลนี้เคยตกฮวบถึง 35% เมื่อเดือนพฤษภาคมมาแล้ว ก่อนที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 69,000 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ เกิดภาวะเงินเฟ้อพุ่งทั้งสหรัฐฯ และทั่วยุโรป
อีกประเด็นสำคัญที่รอยเตอร์นำเสนอคือ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของ memecoins หรือเหรียญดิจิทัลต่างๆ เช่น โดชคอยน์ (Dogecoin) และ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) ที่เกิดขึ้นมาจากการแต่งเรื่องเล่นๆ บนเว็บ ก่อนที่จะกลายมาเป็นสกุลเงินดิจิทัลจริงๆ ในเวลาต่อมา
ในช่วงปี 2021 นี้ สกุลเงิน โดชคอยน์ ซึ่งแตกตัวมาจากบิตคอยน์และเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2013 ทำสถิติใหม่ด้วยการปรับขึ้นของมูลค่าถึง 12,000 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนพฤษภาคม ก่อนจะปรับลงไปเกือบ 80% เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ สกุลเงิน ชิบะ อินุ ก็มีทิศทางการซื้อขายคล้ายๆ กัน จนกลายมาเป็น 1 ใน 10 สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากที่สุด
รายงานข่าวระบุว่า memecoins กลายมาเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในกลุ่มนักลงทุนในปีนี้ เพราะหลายคนติดอยู่กับบ้านเนื่องจากภาวะล็อกดาวน์โควิด เลยมีเวลามาสนใจและลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น จนหน่วยงานกำกับดูแลทั้งหลายต้องออกมาเตือนให้ระวังความผันผวนให้ดี
แต่ขณะที่ความนิยมในสกุลเงินดิจิทัลขยายวงกว้างและยกระดับขึ้นอย่างมาก ประเด็นที่ตามมาในปีนี้ก็คือ การที่หน่วยงานกำกับดูแลแสดงความกังวลว่า ช่องทางลงทุนนี้จะกลายมาเป็นหนทางสำหรับการฟอกเงินและอาจเป็นภัยต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินโลกได้
ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจึงออกมาแนะนำและดำเนินการออกกฎควบคุมสกุลเงินดิจิทัลกันมากมาย พร้อมกับเตือนผู้บริโภคให้ระวังความผันผวนจากการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีให้ดี
กระแสสำคัญสุดท้ายในแวดวงสกุลเงินดิจิทัลที่รอยเตอร์นำเสนอก็คือ การถือกำเนิดของ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทพิเศษ ที่เรียกกันว่า non-fungible tokens (NFTs) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่แต่ละหน่วยมีความแตกต่างเฉพาะตัว และถูกจัดทำในรูปแบบของบล็อกเชนที่ใช้ในการรักษาความเป็นเจ้าของของสินทรัพย์นั้น ๆ เช่น งานศิลปะดิจิทัล หรือของสะสมต่าง ๆ
โดยในปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ NFT ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการซื้อขายเป็นมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้พุ่งขึ้นมาเป็น 10,700 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าถึงกว่า 8 เท่า แม้ว่า สถาบันการเงินหลักๆ หลายแห่งจะยังไม่กระโดดเข้ามาร่วมในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ก็ตาม
(ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์)