ศาลอุทธรณ์รัฐนิวยอร์กมีคำสั่งในวันจันทร์ให้เลื่อนการเรียกเก็บเงิน 454 ล้านดอลลาร์ในคดีฉ้อโกงจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และจำเลยคนอื่น ๆ ออกไปสักพัก ถ้าหากมีการวางเงินค้ำประกันจำนวน 175 ล้านดอลลาร์ได้ภายใน 10 วันตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
หากทำได้ตามนี้ ศาลอุทธรณ์จะสั่งพักการเรียกเก็บค่าเสียหายในคดีนี้ที่ทรัมป์และจำเลยอีกกลุ่มหนึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดในการแจ้งมูลค่าสินทรัพย์ของตนไม่ตรงความจริง และจะไม่ให้มีการอายัดทรัพย์สินของอดีตปธน.สหรัฐฯ ระหว่างการเดินหน้ายื่นอุทธรณ์ด้วย
นอกจากนั้น ศาลยังสั่งกลับคำตัดสินก่อนหน้าที่ห้ามไม่ให้ทรัมป์ และบุตรชายทั้งสอง ซึ่งก็คือ เอริค ทรัมป์ และโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารบริษัทเป็นเวลาหลายปีด้วย
เอพีระบุว่า คำตัดสินของศาลในวันนี้ถือเป็นชัยชนะสำคัญของอดีตผู้นำสหรัฐฯ
ถึงกระนั้น สำนักงานอัยการเลทิเชีย เจมส์ ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีดังกล่าว ยืนยันว่า ทรัมป์ยังคงเป็นผู้กระทำผิดในคดีฉ้อโกงและยังต้องรับผิดชอบชำระเงินตามคำสั่งศาลอยู่ดี โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงต้องแสดงความรับผิดต่อการฉ้อโกงครั้งใหญ่ของตน”
ขณะเดียวกัน ศาลรัฐนิวยอร์กนัดให้วันที่ 15 เมษายนนี้ เป็นวันแรกของการเปิดการไต่สวนคดีที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่า ใช้เงินปิดปากกรณีนอกใจภรรยา ซึ่งถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ นี่จะเป็นการไต่สวนคดีอาญาแรกจากทั้งหมด 4 คดีที่ทรัมป์เผชิญอยู่
และหลังผู้พิพากษา ฮวน เอ็ม เมอร์ชาน มีคำตัดสินเริ่มการไต่สวนคดีดังกล่าวออกมา ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าวที่นอกห้องพิจารณคดีว่า คำวินิจฉัยนี้ถือเป็น “การแทรกแซงการเลือกตั้ง” อย่างที่อดีตผู้นำสหรัฐฯ รายนี้กล่าวอ้างมาโดยตลอด
ทรัมป์ กล่าวว่า “นี่เป็นคดีที่ควรจะถูกนำมาพิจารณาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีครึ่งก่อน และตอนนี้ พวกเขาก็มาเร่งตัดสินในเวลาไม่กี่วัน เพราะพวกเขาต้องการที่จะให้มีการพิจารณาคดีในช่วงการเลือกตั้ง นี่คือการแทรกแซงการเลือกตั้ง แค่นั้นจริง ๆ การแทรกแซงการเลือกตั้ง และก็เป็นเรื่องน่าอดสู”
- ที่มา: เอพี