สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานตัวเลขดัชนีหุ้นในสหรัฐฯ ร่วงลงอีกครั้งในช่วงเปิดตลาดวันพฤหัสบดี โดยดัชนีแนสแดค และ S&P 500 ร่วงลงไปอีก 7% ทำให้ทั้งสองดัชนีนี้เข้าสู่ภาวะ "ตลาดหมี" หรือ Bear market หลังจากที่ดัชนีดาวน์โจนส์เข้าสู่ภาวะเดียวกันเมื่อวานนี้
Bear Market หมายถึงการที่ราคาหุ้นลดลงอย่างน้อย 20 จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ หรือ 1 ปี
การซื้อขายหุ้นที่วอลสตรีทต้องหยุดพักเป็นเวลา 15 นาทีในช่วงเช้าวันพุธ หลังจากที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลงไปถึง 7% ก่อนที่จะกลับมาเปิดซื้อขายอีกครั้งแต่ราคาหุ้นก็ยังคงลดลงต่อเนื่อง และลดลงไปแล้วกว่า 24% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ราคาหุ้นของบริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะสายการบิน บริษัทเรือสำราญ และธุรกิจท่องเที่ยว ร่วงดิ่งลงหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำแถลงในช่วงค่ำวันพุธที่ผ่านมาว่า จะระงับการเดินทางจากยุโรปเข้ามายังสหรัฐฯ ทั้งหมด ยกเว้นที่มาจากอังกฤษ
เวลานี้นักลงทุนเกิดความกังวลยิ่งขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยและวิกฤติการณ์การเงินอีกครั้งจากการระบาดใหญ่ของเชื้อโควิด-19
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงตกลงอีกมากกว่า 6% ในวันพฤหัสบดี ทั้งจากความกงัวลในการระบาดของโคโรนาไวรัส และจากการประกาศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อวานนี้ว่าจะร่วมมือกับซาอุดิอารเบียในการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือนเมษายน ซึ่งขัดแย้งกับจุดยืนของรัสเซีย
นักลงทุนต่างกังวลว่า การตัดสินใจของประเทศสมาชิกของกลุ่มโอเปคสองประเทศนี้อาจทำให้มีน้ำมันดิบราคาถูกทะลักเข้าไปในตลาดโลกมากขึ้น และนั่นจะทำให้ราคาน้ำมันโลกยิ่งตกต่ำลงกว่าเดิม