องค์การอนามัยโลกแสดงความหวังว่า นานาประเทศยังจะสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ แม้ว่าตัวเลขสะสมของผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนใกล้ระดับ 20 ล้านคนแล้ว
เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวในวันจันทร์ว่า ในเวลานี้ ยังไม่สายเกินไปที่ทั่วโลกจะช่วยกันต่อสู้กับการระบาดและพลิกสถานการณ์ให้กลับมาดีขึ้นได้ แม้แต่ในประเทศที่มีการระบาดรุนแรง
เกเบรเยซุส ย้ำว่า การรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคประชาชน ในการตรวจสอบการติดเชื้อ การติดตามตัวผู้ที่เคยใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ การดูแลรักษาผู้ป่วย การรักษาระยะห่างระหว่างกัน การสวมใส่หน้ากาก การล้างมือสม่ำเสมอ และการระวังไม่ไอรดผู้อื่น เป็นต้น
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกยังยกตัวอย่างความสำเร็จของ ฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลีใต้ สเปน อิตาลี และอังกฤษ การลงมือดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นหลังเกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างเมื่อช่วงต้นปี จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในที่สุด
และในวันจันทร์เช่นกัน อินเดียรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดใหญ่ทั่วโลกมา ส่งผลให้ตัวเลขสะสมอยู่ที่ 44,386 ราย ซึ่งมากเป็นอันดับ 5 ของโลก ตามหลัง สหรัฐฯ บราซิล เม็กซิโก และอังกฤษ
นอกจากนั้น อินเดีย ยังเป็นประเทศที่มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นเวลา 6 วันด้วย โดยเมื่อวันจันทร์ พบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 62,000 คน
ส่วนที่ออสเตรเลีย รายงานสถานการณ์ในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นพบผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดที่ 19 รายในรัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดล่าสุดในประเทศ แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จะเริ่มลดลงแล้วก็ตาม
สก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลกำลังพยายามเข้าควบคุมการระบาดในรัฐวิกตอเรียให้ได้ และตนเริ่มมีความหวังว่าจะประสบความสำเร็จในเร็วๆ นี้
ที่ประเทศจีน คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติ ประกาศในวันจันทร์ว่า มีการพบการติดเชื้อจากประชาชนในประเทศเอง 14 ราย ในแคว้นซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งกำลังเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 อยู่ นอกจากนั้น ยังพบผู้ติดเชื้อใหม่ 35 คนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศด้วย
และเนื่องจากอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทางการกรุงปารีส ของฝรั่งเศส ออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากเมื่ออยู่ภายนอกเคหสถาน และในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่าน เช่น พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำแซน โดยคำสั่งนี้จะมีอายุใช้เป็นเวลา 1 เดือน และผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกสั่งปรับเป็นเงินราว 160 ดอลลาร์ หรือเกือบ 5,000 บาท ขณะที่ผู้ฝ่าฝืน 3 ครั้งขึ้นไปจะต้องโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
ที่เยอรมนี โรงเรียนในกรุงเบอร์ลินเปิดเทอมใหม่ในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ผู้นำรัฐบาลต่างๆ กำลังพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เด็กๆ และบุคลกรทั้งหลายตกเป็นเหยื่อการระบาดอยู่
ซานดรา เชเรส รัฐมนตรีศึกษาธิการเยอรมนี ยอมรับว่า สถานการณ์ปัจจุบันคือภาพของความขัดแย้งระหว่างความจำเป็นเร่งด่วนที่ต่างกัน ซึ่งก็คือ การปกป้องคุ้มครองสุขภาพของผู้คน และการเคารพสิทธิ์ในการให้การศึกษาแก่เด็กทุกคน
และเนื่องจากการบังคับให้เด็กอยู่ห่างจากกัน 1.5 เมตรระหว่างที่อยู่ในโรงเรียนนั้นเป็นเรื่องยาก รมต.เชเรส จึงแนะนำให้โรงเรียนแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ และหากพบการติดเชื้อ โรงเรียนจะต้องแยกตัวเด็กคนนั้น และกลุ่มเพื่อนทั้งหมดออกมาเฝ้าระวังอาการต่างหากทันที
ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีออกคำสั่งให้นักเรียนและครูทุกคนต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ภายนอกห้องเรียนหรือสนามเด็กเล่นแล้ว
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ณ บ่ายวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกแล้วกว่า 19.93 ล้านราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 732,400 รายแล้ว