รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสั่งจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นข้ามพรมแดนสหรัฐฯและเม็กซิโก ซึ่งมีผลถึงผู้ลี้ภัยที่ไม่มีเอกสารรองรับให้เข้ามาในประเทศด้วย
คำสั่งปิดพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกนี้มีออกมาระหว่างการแถลงข่าวประจำวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า มาตรการนี้มีผลโดยตรงต่อผู้ที่ไม่ได้ผ่าน “กระบวนการคัดกรอง” และ “กระบวนการตรวจสอบประวัติ” ก่อนเข้าสหรัฐฯ จากเม็กซิโก ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ และแคนาดาตกลงที่จะดำเนินมาตรการปิดพรมแดนสำหรับคนต่างชาติไปแล้ว
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สหรัฐฯ และเม็กซิโกได้ประสานงานดำเนินแผนการจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว
มาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก บอกกับผู้สื่อข่าวในช่วงเช้าวันศุกร์ว่า รัฐบาลของทั้งสองประเทศได้ประชุมกันหลายรอบเป็นเวลา 2 วัน 2 คืน ก่อนที่จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการที่มุ่งลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไวรัส ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งคู่
ทั้งนี้ แต่ละวัน ผู้คนนับพันเดินทางข้ามพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกเพื่อไปทำงาน ไปโรงเรียน หรือกิจกรรมอื่นๆ
แชด วูลฟ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้คำแนะนำของศูนย์การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ สหรัฐฯ จะไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีเอกสารการที่ถูกต้องเดินทางเข้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรมแดนทางใต้หรือทางเหนือของประเทศ โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ในเวลาเที่ยงคืนของคืนวันศุกร์