รัฐบาลต่างๆ ในเอเชียยังคงเดินหน้ามาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มข้น แม้สถานการณ์ในบางประเทศเริ่มดีขึ้นแล้ว
นายกรัฐมนตรี ชอง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้ กล่าวในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติใหม่ๆ ที่จะยังให้การรักษาระยะห่างทางสังคมดำเนินต่อไป โดยที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและทางสังคมบางอย่างสามารถกลับมาทำได้อีกครั้ง หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ติดเชื้อใหม่ในวันจันทร์เพียง 25 ราย
ส่วนที่ไต้หวัน รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 1-6 คนต่อวัน และรัฐบาลอนุญาตให้โรงเรียน สำนักงาน และภัตตาคาร/ร้านอาหาร เปิดทำการได้ตามปกติไปแล้ว
อย่างไรก็ดี รัฐบาลไต้หวันยืนยันที่จะดำเนินมาตรการคุมเข้มอื่นๆ ต่อไปเพื่อระวังภัยโควิด-19 จนกว่าสถานการณ์การระบาดใหญ่ทั่วโลกจะดีขึ้นจริงๆ
ปัจจุบัน ไต้หวันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ 393 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย
มาตรการที่ไต้หวันใช้อยู่ในเวลานี้มี อาทิ การห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ และคำสั่งกักตัวเฝ้าระวังอาการ 14 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศหรือมาเปลี่ยนเครื่องบินที่ไต้หวัน โดยเท่าที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นชาวไต้หวันที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่มีการติดเชื้อ
เฉิน ซื่อฉุง รัฐมนตรีสาธารณสุขไต้หวัน ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในวันจันทร์ว่า ไต้หวันจะยกเลิกการจำกัดการเดินทางเมื่อไหร่ แต่ระบุว่า สถานการณ์ทั่วไปถือว่ามีเสถียรภาพ และทางการจะเดินหน้าเฝ้าระวังต่อไป
ขณะเดียวกัน ที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มการระบาดของโควิด-19 และเพิ่งยุติการ Lockdown ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานข่าวว่า ประชาชนชาวเมืองที่เริ่มเดินทางออกจากเมืองได้อย่างอิสระต้องประสบปัญหาไม่ได้รับการต้อนรับจากคนภายนอก ที่มองว่าอู่ฮั่นคือเมืองโควิด-19
หลายคนที่มาจากมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองอู่ฮั่น แชร์โพสต์ทางสังคมออนไลน์เช่น Weibo กันว่า ประสบปัญหาหางานไม่ได้เลย เพราะไม่มีใครอยากจากคนที่เกี่ยวข้องกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้
เอริค ลิน เจ้าของโรงงานในเมืองอี้หวู มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองอู่ฮั่นไปทางตะวันออกราว 700 กิโลเมตร บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ว่า หากเป็นคนที่ไม่รู้จักและบอกว่ามาจากเมืองอู่ฮั่น คนส่วนใหญ่จะไม่ยอมจ้าง เพราะไม่ได้มีการขาดแคลนแรงงาน โรงงานต่างๆ จึงไม่มีความจำเป็นต้องจ้างคนแปลกหน้าจากเมืองนั้น