สเปนก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นเหนือจีน ทั้งในด้านของตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกยังคงเดินหน้าเร่งดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันอย่างต่อเนื่อง
ในวันจันทร์ รัฐบาลสเปนยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ 812 ราย ขณะที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 6,000 ราย ส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตของสเปนพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกที่กว่า 7,300 ราย ตามหลังอิตาลี และนำหน้าจีน ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อของสเปนที่กว่า 85,000 ราย ทำให้ประเทศนี้อยู่ที่อันดับ 3 ของโลก ตามหลังสหรัฐฯ และอิตาลี และแซงจีนไปเรียบร้อยเช่นกัน
การเพิ่มของตัวเลขในสเปนยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง แม้ทางการจะประกาศสั่งปิดเมืองทั่วประเทศเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายของไวรัสแล้วก็ตาม
รัฐบาลหลายประเทศดำเนินมาตรการแบบเดียวกันนี้ รวมทั้งการสั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานนอกจากมีเหตุจำเป็น เพื่อทำงาน หรือหาซื้ออาหารและยา รวมทั้งไปพบแพทย์
ที่ไนจีเรีย ประธานาธิบดีมูฮัมหมัด บูอารี ประกาศสั่งให้ประชาชนในกรุงอาบูจา และนครลากอส ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศอยู่แต่ในบ้าน พร้อมแนะให้หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามเมืองในระยะนี้
ส่วนที่ ซิมบับเว ทางการเพิ่งสั่งปิดเมืองทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ตั้งแต่วันจันทร์ในเวลาท้องถิ่น ขณะที่รัฐบาลของเนปาล สโลวีเนีย และอาร์เจนตินา ประกาศยืดระยะเวลาดำเนินมาตรการนี้ออกไปอีกระยะ
Tedros Adhanom Ghebreyesus
เทดรอส อะห์ดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การอนามัยโลก กล่าวในวันจันทร์ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันว่า สถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับประเทศรายได้ต่ำและประเทศรายได้ปานกลางในแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา โดยเฉพาะในเรื่องของการกระจายผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข
ขณะเดียวกัน ที่สหรัฐฯ ซึ่งมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก สถานการณ์ยังตึงเครียดหนักในนครนิวยอร์กซิตี้ โดยเรือโรงพยาบาล USNS Comfort ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพิ่งมาถึงเมืองนี้เพื่อช่วยให้การรักษาผู้ป่วย ซึ่งมีตัวเลขสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ หลังเรือ USNS Mercy ซึ่งมาจากกองเดียวกันไปถึงท่าเรือลองบีช ใกล้ๆ นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกันตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ที่อิตาลี ซึ่งยังเป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก และอยู่ในสภาวะ Lockdown มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว รัฐบาลออกแถลงการณ์เพื่ออธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงความสำคัญของการดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อไป และอาจต้องยืดเวลาการใช้แผนนี้ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดในวันศุกร์นี้ออกไปอีกระยะ
และในช่วงที่หลายประเทศยังดำเนินแผนควบคุมและป้องกันการระบาดอย่างเข้มแข็ง รัฐบาลและผู้นำประเทศหลายรายเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ มากกว่าด้านความปลอดภัยของประชาชน
ประธานาธิบดีบราซิล จาอีร์ โบลโซนาโร ทวีตคลิปวิดีโอของตนระหว่างการพบปะกับผู้คนหลายกลุ่มและถกประเด็นความจำเป็นที่จะต้องให้ภาคธุรกิจปิดทำการชั่วคราวและห้ามผู้คนไม่ให้มีการรวมตัวกัน ซึ่งทำให้ทวิตเตอร์สั่งลบทวีตทั้งหมดและออกมาแถลงยืนยันว่า ทางบริษัทจะห้ามการโพสต์ต่างๆ ที่ขัดแย้งกับคำแนะนำด้านสาธารณสุข รวมทั้งโพสต์ที่มีข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อที่อาจทำให้การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสรุนแรงขึ้น
ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ ณ บ่ายวันจันทร์ แสดงให้เห็นว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วกว่า 755,000 รายทั่วโลก ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ที่กว่า 36,000 ราย
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก กล่าวในวันจันทร์ว่า สถานการณ์การขาดแคลนเวชภัณฑ์ต่างๆ และการเพิ่มขึ้นของคนไข้โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่ถูกนำขึ้นมาพูดคุยกับรัฐมนตรีการค้าจากกลุ่มประเทศ จี-20 แล้ว พร้อมย้ำว่า ทางองค์การฯ กำลังทำงานอย่างหนักร่วมกับฝ่ายต่างๆ เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์และเวชภัณฑ์ที่จะช่วยป้องกันและควบคุมการติดเชื้อทั้งหลายให้กับทั่วโลกอยู่