ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขแสดงความสงสัยเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ในบางประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจชี้ให้เห็นถึงความสามารถทำการทดสอบผู้ติดเชื้อที่จำกัด และทำให้รัฐบาลที่เกี่ยวข้องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการออกมาตรการควบคุมและป้องกันต่างๆ ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากไปกว่าที่เป็นอยู่
รายงานข่าวระบุว่า ประเทศพม่าและลาว ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศจีนซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการระบาดครั้งนี้ เพิ่งรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากแจ้งว่าไม่มีผู้ติดเชื้อเลยนับตั้งแต่วิกฤติโควิด-19รุนแรงขึ้นมาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
รายงานจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ ในวันอาทิตย์ ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อในพม่าและลาวอยู่ประเทศละ 8 ราย ขณะที่ กัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับจีน รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ 103 และ 188 ราย ตามลำดับ
มาร์ค ซิมเมอร์แมน ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ซึ่งทำงานในประเทศไทย และเคยทำงานที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ หรือ CDC ในช่วงที่มีการระบาดของโรคซารส์ ในช่วงปี ค.ศ. 2003 ให้ความเห็นว่า ตัวเลขที่ดูต่ำนี้น่าจะเป็นผลมาจากความสามารถในการทำการทดสอบผู้ติดเชื้อที่จำกัด และระบบระวังภัยในประเทศเหล่านี้ที่ยังไม่ทั่วถึง ทำให้ตัวเลขไม่น่าจะสะท้อนความเป็นจริงสักเท่าใด
ขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่าง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ต่างมีตัวเลขผู้ติดเชื้อในระดับหลักพัน และผู้เชี่ยวชาญในประเทศเหล่านี้ได้แสดงความเห็นไว้แล้วว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่เห็น เพราะข้อจำกัดด้านการทำการทดสอบเช่นกัน
ทั้งนี้ ลาวแจ้งว่าได้ทำการทดสอบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ไปเพียง 131 ราย ณ ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนพม่าซึ่งมีประชากร 54 ล้านคน ทำการทดสอบไปราว 300 รายเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากกรณีของเกาหลีใต้ ที่ทำการทดสอบไปแล้วหลายแสนคน และยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อที่กว่า 9,000 รายแล้ว
ซิมเมอร์แมน กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้หลายประเทศจะดำเนินมาตรการรักษาระยะห่าง พร้อมยกเลิกกิจกรรมที่ผู้คนจะมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากไปแล้ว ผลกระทบของข้อจำกัดในการทดสอบผู้ติดเชื้อ อาจทำให้มาตรการทั้งหมดไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะตัวเลขที่ไม่สูงจนน่าตกใจ อาจทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความวางใจและไม่คิดว่าต้องลงมือทำการใดๆ อย่างเร่งด่วน
เจเรมี่ ลิม ผู้ประสานงานร่วมด้านสาธารณสุขโลก ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เห็นด้วยกับประเด็นนี้ และกล่าวว่า ในประเทศใด ๆ ก็ตามที่ผู้คนเกิดความวางใจในสถานการณ์อย่างผิดๆ ประชาชนก็จะไม่ค่อยปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการรักษาระยะห่างในสังคมเท่าใด และทำให้โอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะในกรณีของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ดูต่ำกว่าความเป็นจริง
อย่างไรก็ดี แมทธิว กริฟฟิธ นักระบาดวิทยา แห่งองค์การอนามัยโลก ประจำสำนักงานกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ให้ความเห็นว่า ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีประเทศใดที่ทำการทดสอบผู้ติดเชื้อมากเพียงพอและสอดรับกับสถานการณ์ที่เป็นจริงได้ ดังนั้น ประเด็นข้อจำกัดด้านการทดสอบไม่ใช่ปัญหาของบางประเทศ เช่น ลาว เท่านั้น แต่เป็นปัญหาระดับโลกในเวลานี้