ซานฟรานซิสโกประกาศภาวะฉุกเฉินรับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่

This file photo from Nov. 15, 2006, shows San Francisco's Golden Gate Bridge, which finished No. 11 in TripAdvisor's Traveler's Choice listings.

นครซานฟรานซิสโกประกาศภาวะฉุกเฉินรับมือการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ ออกคำเตือนให้ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมรับการระบาดในระดับชุมชน

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นายลอนดอน บรีด นายกเทศมนตรีนครซานฟรานซิสโก ออกแถลงการณ์ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ประกาศภาวะฉุกเฉินในเวลานี้เพื่อกระตุ้นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 และทำให้ประชาชนในเมืองตระหนักถึงความเสี่ยงที่ไวรัสนี้อาจแพร่เข้ามาในพื้นที่ได้

นายรีดระบุว่า แม้จะยังไม่มีการติดเชื้อในพื้นที่ในเวลานี้ ภาพรวมของสถานการณ์ทั่วโลกซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นครซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องเพิ่มระดับการระวังภัยแล้ว

ในวันเดียวกันนี้เอง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC เรียกร้องให้คนทั่วสหรัฐฯ เตรียมรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัสในระดับชุมชน หลังมีรายงานการระบาดไปในหลายประเทศแล้ว

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ 53 คน โดย 12 คนเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และมี 2 คนที่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ ขณะที่อีก 39 คน เป็นพลเมืองอเมริกันที่เดินทางกลับมาจากการท่องเที่ยวบนเรือสำราญไดมอนด์พรินเซส ที่จอดเทียบท่าที่ญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆ นี้ และจากเมืองอู่ฮั่น ของจีน ซึ่งเป็นพื้นที่เริ่มต้นของการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้

ขณะเดียวกัน วีโอเอ รายงานโดยอ้่างถึงแถลงการณ์ของกองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ ที่ออกมาในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ คนหนึ่งซึ่งประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้กลายมาเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของกองทัพสหรัฐฯ

รายงานข่าวระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายแรกของกองทัพนี้ เป็นเจ้าหน้าชายที่วัย 23 ปี ซึ่งประจำการอยู่ที่ฐานทัพที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ แต่มีประวัติเดินทางไปยังค่ายวอร์คเกอร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองแดกู ที่มีรายงานการระบาดรุนแรงเมื่อเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้เริ่มทำการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการภายในที่พักซึ่งอยู่นอกฐานทัพแล้ว

นอกจากนั้น แถลงการณ์ของกองทัพสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เริ่มตรวจสอบว่า นายทหารผู้ติดเชื้อมีการติดต่อกับผู้ใดมาบ้าง เพื่อประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการแพร่กระจายเชื้อโดยนายทหารผู้นี้