ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงนิวเดลีของอินเดียเมื่อวันอังคารว่า ขณะที่สหรัฐสามารถจัดการรับมือได้เป็นอย่างดีเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสนั้น สหรัฐก็ติดต่อค้าขายกับหลายประเทศทั่วโลก และกำลังทำงานร่วมกับประเทศอื่น ๆ รวมทั้งต้องการให้ประเทศเหล่านี้มีสุขภาพที่ดีด้วย
คำกล่าวเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจของผู้นำสหรัฐครั้งนี้มีขึ้นขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐตกต่ำลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางความวิตกว่าไวรัส COVID-19 นี้กำลังจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก
เฉพาะในอเมริกาเอง วันนี้ CDC หรือศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐ ให้ตัวเลขว่า มีผู้ติดเชื้อดังกล่าวรวม 57 คนแล้ว
ขณะเดียวกัน รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ของบประมาณฉุกเฉิน 2,500 ล้านดอลลาร์เพื่อรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัส โดยในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นงบประมาณที่ขอใหม่ และอีกครึ่งเป็นเงินที่จะตัดมาจากงบประมาณของหน่วยงานอื่น รวมทั้งได้ขอให้สภาแบ่งงบประมาณราว 500 ล้านดอลลาร์ซึ่งจัดสรรไว้แล้วสำหรับการป้องกันและบำบัดเชื้ออีโบล่า มาใช้รับมือกับเชื้อไวรัสนี้
แต่ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาบางคนตำหนิประธานาธิบดีทรัมป์ที่ไม่ได้เตรียมรับมือกับโคโรนาไวรัสอย่างทันท่วงที รวมทั้งจากการให้ข่าวอย่างผิด ๆ ว่าการแพร่กระจายของไวรัสนี้จะหยุดลงในเดือนเมษายนเมื่ออากาศอุ่นขึ้น
วุฒิสมาชิกชัค ชูเมอร์ ของพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดที่แสดงให้เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนอย่างจริงจังเพื่อรับมือกับเรื่องนี้ และว่า คำของบประมาณฉุกเฉิน 2,500 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว "น้อยไปและมาล่าช้าไป" อีกทั้งประเทศยังต้องการผู้นำที่แท้จริงและอย่างรวดเร็วด้วย
ส่วน ส.ส. แนนซี เพโลซี ของพรรคเดโมแครต ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก็กล่าวว่า คำของบประมาณฉุกเฉิน 2,500 ล้านดอลลาร์จากประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐขอตัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2021 ของศูนย์ควบคุมโรค ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ และของหน่วยงานด้านสาธารณสุขอื่น ๆ ในรัฐบาลกลางสหรัฐลง
และเสริมว่า คนอเมริกันต้องการการตอบสนองต่อปัญหาสาธารณสุขที่ว่านี้ในลักษณะที่มีการทำงานอย่างประสานสอดคล้องเป็นองค์รวมจากรัฐบาล และได้รับงบประมาณที่เพียงพอด้วย
ส.ส. แนนซี เพโลซี กล่าวด้วยว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะผลักดันงบประมาณเพิ่มที่เพียงพอสำหรับการรับมือกับขอบข่ายและความร้ายแรงของปัญหาวิกฤติด้านสาธารณสุขนี้