Your browser doesn’t support HTML5
บริษัทเทคโนโลยี Ericsson จัดทำรายงานสำรวจประจำปีเรียกว่า Hot Consumer Trends ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มด้านทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคในปีที่กำลังจะมาถึง โดยได้สำรวจความเห็นของผู้คนในเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลก เช่นนครนิวยอร์ค กรุงปารีส กรุงโตเกียว กรุงมอสโคว์ และนครเซี่ยงไฮ้
รายงานสำรวจประจำปีชิ้นนี้ระบุว่า ในปี 2016 อินเทอร์เน็ตจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถกำหนดแนวทางการทำงาน การใช้ชีวิต และการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเราได้ เหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่แนวโน้มที่จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น เราเองก็จะสามารถควบคุมหรือปรับเปลี่ยนการใช้งานอินเทอร์เน็ต ให้ตอบสนองความต้องการของแต่ละคนได้มากขึ้นเช่นกัน
คนจำนวนมากใช้เครือข่ายบริการเดียวกัน
คุณ Michael Bjorn ผู้นำคณะนักวิจัยของ Ericsson ConsumerLab ระบุว่าแนวโน้มแรกที่อยากพูดถึงคือสิ่งที่เรียกว่า Lifestyle Network Effect ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคนจำนวนมากใช้เครือข่ายบริการเดียวกัน ซึ่งเสียงของทุกคนจะมีพลังต่อความคิดเห็นของคนอื่นๆ ทำให้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ กระจายไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วกว่าในอดีต
การรายงานข่าวโดยพลเมืองเน็ต
แนวโน้มต่อมาคือการใช้อินเทอร์เน็ตในการบอกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว คุณ Bjorn ยกตัวอย่างสิ่งที่เรียกว่า การรายงานข่าวโดยพลเมืองเน็ต คือการที่ทุกคนสามารถรายงานหรือแชร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
โดยผลการสำรวจระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 37% เชื่อว่าการเปิดเผยหรือเปิดโปงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในโลกออนไลน์ เช่นการคอรัปชั่นขององค์กร มีผลกระทบในวงกว้างมากกว่าการแจ้งเรื่องเดียวกันกับตำรวจ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือความน่าเชื่อถือของรายงานข่าวหรือความคิดเห็นที่เห็นในโลกออนไลน์ ซึ่งคุณ Bjorn บอกว่า 46% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต้องการให้มีวิธีที่สามารถยืนยันได้ว่ารายงานข่าวที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริงหรือโกหก
ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต
แนวโน้มถัดมาคือสิ่งที่นักวิจัยของ Ericsson เรียกว่า Everything Gets Hacked หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ได้มีความปลอดภัยอย่างที่คิด ซึ่งเชื่อว่าประเด็นเรื่องความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต การลอบเจาะล้วงข้อมูล หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ จะยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังต่อไปในอนาคต
เทคโนโลยีที่ได้รับการจับตามอง
แนวโน้มสำคัญด้านเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคในปี 2016 อย่างสุดท้ายที่ยกมาเป็นตัวอย่าง คืออุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ที่คาดว่าจะได้เห็นกันเร็วๆนี้ ซึ่งรายงาน Hot Consumer Trends ชี้ว่าอีกไม่นานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอาจกลายเป็นอดีต โดยผู้ใช้สมาร์ทโฟนราวครึ่งหนึ่งเชื่อว่า ภายในเวลา 5 ปี เราจะสามารถใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการสื่อสารเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่างๆรอบตัวได้ โดยไม่ต้องผ่านสมาร์ทโฟน
และเทคโนโลยีที่จะได้รับการจับตามองอย่างมากในปีหน้า คือ Virtual Reality หรือระบบเสมือนจริง และ 3D Printer หรือเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่เชื่อว่าจะได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมากเพื่อสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านประโยชน์ใช้สอยส่วนตัว และความบันเทิง
(ทรงพจน์ สุภาผล มีรายงานของผู้สื่อข่าว George Putic มาเสนอ)