ปัจจุบัน Virtual Reality หรือเทคโนโลยีเสมือนจริง ส่วนใหญ่ยังคงใช้กับวิดีโอเกมส์ แต่ในขณะที่ชิพคอมพิวเตอร์กำลังพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง นักวิทยาศาสตร์คาดว่าในอนาคตอันใกล้ เราจะสามารถใช้ Virtual Reality ในด้านต่างๆ ได้ด้วย เช่นทางการแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย
นักวิทยาศาสตร์ที่ห้องแล็บทางคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Augmentarium ของ University of Maryland ทำงานร่วมกับแพทย์ที่ศูนย์วิจัยเพื่อรักษาผลกระทบทางจิตใจซึ่งเกิดจากการประสบเหตุร้าย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริงหรือ Virtual Reality มาใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง เป้าหมายเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า Augmented Reality หรือระบบความเป็นจริงเสริม
ในทางการแพทย์ นักวิจัยอธิบายว่าเป็นการนำเทคโนโลยีเสมือนจริงมารักษาอาการทางจิตใจ สำหรับทหารที่เคยผ่านศึกสงคราม หรือผู้ป่วยที่มีอาการที่เรียกว่า Post-traumatic Stress Disorders (PTSD) หรือความเครียดจากเหตุการณ์วินาศภัย เทคโนโลยีที่ว่านี้ยังสามารถนำไปใช้ในห้องผ่าตัด เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในด้านความมั่นคง นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเมื่อทหารที่อยู่ในสนามรบสวมแว่นตาพิเศษแบบครอบศีรษะ จะสามารถมองเห็นข้อมูลสำคัญด้านแผนที่และตำแหน่ง ตลอดจนข้อมูลข่าวกรองต่างๆ ได้
นอกจากนั้น Virtual Reality ยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาความปลอดภัย ร่วมกับระบบกล้องวงจรปิดตามอาคารสำนักงานต่างๆ เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้สึกว่าเหมือนไปยืนอยู่ตรงจุดนั้นจริงๆ
ศาสตราจารย์ Amitabh Varshney แห่งภาควิชาคอมพิวเตอร์ของ University of Maryland ระบุว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเหมือนกับสามารถนำตนเองย้ายจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งตามจุดที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ทันที
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยอมรับว่าแว่นตาครอบศีรษะที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังคงมีขนาดใหญ่เทอะทะ แต่ก็เชื่อว่าจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีด้านนี้ก้าวหน้าไป เหมือนกับโทรศัพท์มือถือรุ่นก่อนที่มีขนาดใหญ่ก่อนที่จะเล็กและบางลงเท่าขนาดปัจจุบัน
นักวิจัยหวังว่า หากมีการสนับสนุนที่เหมาะสมด้านเงินทุน เชื่อว่าเทคโนโลยี Augmented Reality หรือระบบความเป็นจริงเสริมที่ว่านี้ จะสามารถนำมาใช้ในโลกแห่งความจริงได้ในอีกประมาณ 3-5 ปีข้างหน้า
(ผู้สื่อข่าว Adam Greenbaum รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)