Your browser doesn’t support HTML5
ปัญหาชะงักงันล่าสุดที่ทำให้พรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครตในรัฐสภาตกลงกันไม่ได้ และอาจส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องปิดตัวลงอีกครั้งหลังเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณด้านการป้องกันประเทศ กับงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายภายในประเทศ
โดยพรรครีพับลิกันซึ่งคุมเสียงข้างมากอยู่ในสภา ต้องการใช้เสียงข้างมากของตนผ่านกฎหมายงบประมาณ ซึ่งจะจัดสรรเงินให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จนถึงสิ้นปีงบประมาณนี้คือวันที่ 30 กันยายน ในขณะที่จะให้เงินสนับสนุนแผนงานอื่นๆ ในประเทศต่อไปเพียงแค่หกสัปดาห์เท่านั้น
โดย ส.ส. Paul Ryan ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า พรรคเดโมแครตควรออกเสียงสนับสนุนเพื่อจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ให้แก่ผู้สวมเครื่องแบบซึ่งทำหน้าที่ป้องกันประเทศอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตแสดงท่าทีว่าจะคัดค้านร่างกฎหมายที่มุ่งจัดสรรงบประมาณให้เฉพาะกับกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ด้วยการอาศัยกลไกในวุฒิสภาที่การผ่านร่างกฎหมายสำคัญใดๆ ต้องใช้เสียงข้างมากคือ 3 ใน 5 และขณะนี้พรรครีพับลิกันมีคะแนนเสียงในวุฒิสภามากกว่าพรรคเดโมแครตเพียง 1 เสียงเท่านั้น
วุฒิสมาชิก Chuck Schumer ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา กล่าวว่า จุดยืนของพรรคในเรื่องนี้ชัดเจน คือสนับสนุนการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม รวมทั้งช่วยเหลือชนชั้นกลางในสหรัฐฯ ไปพร้อมกันด้วย เพราะไม่จำเป็นจะต้องเลือกเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
ถึงแม้ผู้นำในรัฐสภาสหรัฐฯ จะพยายามทำความตกลงเพื่อผ่านกฎหมายงบประมาณที่ครอบคลุมได้ถึงสองปีก็ตาม แต่นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันเริ่มปีงบประมาณฉบับปัจจุบัน รัฐสภาสหรัฐฯ ต้องผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราวระยะสั้นมาแล้วถึงสี่ครั้ง
โดยกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในเวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ เนื่องจากยังไม่สามารถตกลงกันได้ในหลายเรื่อง
และในวันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวท้าทายให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการเจรจาทำความตกลงเพื่อปกป้องสถานะของกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เป็นลูกหลานของคนเข้าเมืองผิดกฎหมายในสหรัฐฯ หรือที่เรียกกันว่า "ดรีมเมอร์" ยังไม่มีผลคืบหน้า
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า ตนสนับสนุนเส้นทางไปสู่การได้สัญชาติของกลุ่มดรีมเมอร์เหล่านี้จำนวนราวหนึ่งล้านแปดแสนคน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 10 ถึง 12 ปี
แต่ผู้นำสหรัฐฯ ก็เรียกร้องขอเงินสนับสนุนเพื่อสร้างกำแพงตามแนวพรมแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบพิจารณารับผู้อพยพเพื่อตั้งถิ่นฐานในประเทศ รวมทั้งการให้ความสำคัญกับทักษะความชำนาญของผู้ที่จะได้สัญชาติในสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นความเกี่ยวพันในครอบครัวเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ส่วนพรรคเดโมแครตก็มีจุดยืนว่า เรื่องการคุ้มครองเยาวชนกลุ่มดรีมเมอร์ซึ่งอาจต้องถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ โดยทันทีนี้ ไม่ควรถูกนำมาพิจารณารวมกับประเด็นเรื่องการปฏิรูประบบคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งรัฐสภาไม่สามารถทำความตกลงกันได้มานานหลายสิบปีแล้ว