Your browser doesn’t support HTML5
บริษัทเสื้อผ้าแนวชีวิตกลางแจ้ง พาตาโกเนีย (Patagonia) ประกาศว่าจะระงับการลงโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ค และ อินสตาแกรม ตลอดเดือนกรกฎาคม เพื่อเข้าร่วมองค์กรสิทธิพลเมืองต่าง ๆ ในโครงการรณรงค์คว่ำบาตรการลงโฆษณาในสื่อโซเชียลดังกล่าว
หัวหน้าฝ่ายการตลาดของพาตาโกเนีย มีแถลงการณ์ว่า เป็นเวลานานเกินไปแล้วที่เฟสบุ๊คไม่พยายามควบคุมการเผยแพร่เนื้อหาโฆษณาชวนเชื่อที่อันตรายและเต็มไปด้วยคำโกหกและสนับสนุนให้เกิดความเกลียดชังในสังคม ซึ่งพาตาโกเนียไม่สามารถนิ่งเฉยในเรื่องนี้ได้อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ บริษัท นอร์ธเฟซ (North Face) และเครือข่ายร้านขายอุปกรณ์กลางแจ้ง REI ต่างร่วมคว่ำบาตรการลงโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งสองนี้แล้วเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟสบุ๊คปฏิเสธที่จะระบุว่าโพสต์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงและอาจชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิด ๆ แต่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยืนยันว่าโพสต์ดังกล่าวไม่ขัดกับนโยบายของเฟสบุ๊ค ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งคือ ทวิตเตอร์ ที่ติดคำเตือนให้ตรวจสอบความถูกต้องที่โพสต์ของผู้นำสหรัฐฯ ทันที
ด้านนักวิจารณ์ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าเฟสบุ๊คให้พื้นที่สำหรับการแสดงความเห็นเชิงเหยียดสีผิว ขณะที่ลูกจ้างของเฟสบุ๊กหลายคนได้ตำหนิจุดยืนของบริษัทตนเอง และบางคนประกาศลาออกจากบริษัทเพื่อแสดงการประท้วง
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน องค์กรด้านสิทธิพลเมืองหลายแห่ง รวมทั้ง Color of Change, NAACP และ Anti-Defamation League ได้เปิดตัวโครงการ “Stop hate for profit” หรือ "หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร" โดยขอให้บริษัทต่าง ๆ ระงับการลงโฆษณาในสื่อต่าง ๆ ของเฟสบุ๊คตลอดเดือนกรกฎาคม
โฆษณาถือเป็นรายได้หลักของเฟสบุ๊ค คือคิดเป็น 98% ของรายได้ทั่วโลกมูลค่า 17,700 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้