Your browser doesn’t support HTML5
นางฮิลลารี คลินตัน ได้สร้างประวัติศาสตร์เมื่อเธอได้กลายเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตหญิงคนแรกที่เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่คะแนนความนิยมของเธอกลับต่ำมากเมื่อเทียบกับความนิยมในตัวผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตคนก่อนๆ
ผลสำรวจของ Gallup Poll ที่จัดขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตที่นครฟิลาเดลเฟีย พบว่า คนอเมริกาเพียงร้อยละ 38 ชื่นชอบเธอ ในขณะที่หนังสือพิมพ์ The Washington Post ได้ทำการสำรวจความเห็นร่วมกับ ABC News ซึ่งพบว่า ประชากรเพียงร้อยละ 39 เห็นว่าเธอซื่อสัตย์และมีความน่าเชื่อถือ
คะแนนความนิยมที่ต่ำของเธอ ส่วนหนึ่งมาจากข่าวอื้อฉาวกรณีการใช้ Server ส่วนตัวสำหรับอีเมลล์เมื่อครั้งที่เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ปี ค.ศ. 2009-2013
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกระทบทั้งนางคลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยการสำรวจความเห็นของหนังสือพิมพ์ The New York Times ร่วมกับ CBS News ได้ตั้งคำถามว่า ผู้เข้าชิงแต่ละคนมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ร้อยละ 64 ของผู้ตอบได้เลือกว่าทั้งนางคลินตัน และนายทรัมป์ไม่น่าไว้วางใจหรือจริงใจ
ถึงแม้ว่าทั้ง 2 คนจะได้รับไว้วางใจจากประชาชนค่อนข้างต่ำ แต่ส่วนมากแล้ว ความรู้สึกว่าทรัมป์ไม่น่าเชื่อถือ แตกต่างจากความรู้สึกไม่ไว้ใจที่มีต่อนางคลินตัน
หนังสือพิมพ์ The Washington Post อธิบายว่า นางคลินตันมักจะพูดเกินความจริงและละเลยข้อมูลบางเรื่อง เพื่อปกป้องตัวเองจากข้อกล่าวหา เมื่อถูกถามถึงเรื่องข่าวอื้อฉาวหรือข้อกล่าวหาต่างๆ
ในขณะที่ทรัมป์มักจะคุยโวและพูดยกยอตนเอง เช่นการพูดถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจของตน และก้าวร้าวในการโจมตีคู่แข่ง
แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า สำหรับนางคลินตัน ปัญหาข่าวอื้อฉาวเรื่องอีเมลล์ที่ถูกเผยแพร่ ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่เธอต้องเผชิญ เพราะเธอยังถูกมองว่าเย็นชาและไม่สามารถเข้าใจถึงปัญหาต่างๆที่คนอเมริกาทั่วไปต้องเผชิญ
Gary Nordlinger ที่ปรึกษาทางการเมือง บอกว่า นางคลินตันถูกมองว่าเป็นคนเย็นชา คิดวางแผนล่วงหน้าและไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเธอต้องแสดงให้คนเห็นว่า เธอเป็นคนอบอุ่น รู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่น และน่าเชื่อถือ
ส่วน Robert Wiener นักวางแผนยุทธศาสตร์ของพรรค Democrat กล่าวว่านางคลินตัน ต้องแสดงอารมณ์ร่วมในการอธิบายว่าปัญหาต่างๆ ในประเทศ กระทบเธอและคนทั่วไปอย่างไร
ถึงกระนั้น คุณ Robert Wiener ซึ่งเคยเป็นโฆษกทำเนียบขาวเมื่อครั้งที่นาย บิล คลินตัน สามีของเธอ เป็นประธานาธิบดี ยังบอกว่าแม้นางคลินตันจะขาดเสน่ห์ที่ผู้เข้าชิงตำแหน่งคนก่อนๆ มีกัน แต่เธอเป็นคนฉลาดมาก และรู้จักแก้ปัญหาได้ดี โดยการสามารถเข้าใจถึงรากของปัญหาและหาทางออกได้ดีกว่าหลายคนที่คุณ Robert เคยร่วมงานด้วย ซึ่งรวมไปถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนาย บิล คลินตัน
คุณ Nordlinger ที่ปรึกษาทางการเมือง อธิบายว่า นางคลินตันต้องกล้าที่จะออกนอกกรอบเดิมๆ ถ้าเธออยากชนะนายทรัมป์ เพราะเธอเป็นตัวแทนอำนาจเดิมที่กำลังแข่งกับนายทรัมป์ ตัวแทนผู้ที่ต่อต้านอำนาจเก่าแก่ และในปีนี้คนส่วนมากสนับสนุนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ไม่ได้มาจากอำนาจการเมืองเดิมๆ เพราะฉะนั้นทรัมป์จึงได้เปรียบในเรื่องนี้
ส่วน Stephen Wayne อาจารณ์ที่มหาวิทยาลัย Georgetown บอกว่า นางคลินตัน ควรที่จะตอบโต้ทรัมป์อย่างเด็ดเดี่ยว เพราะถ้าทำให้ทรัมป์โมโห เขาจะแสดงอารมณ์ที่คนส่วนมากไม่คิดว่าเหมาะกับผู้ที่จะเป็นผู้นำ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังบอกว่า คลินตันควรที่จะหาทางเข้าถึงคนให้ดีกว่านี้ และต้องอธิบายประเด็นที่สำคัญสำหรับเธอให้ชัดเจนกว่าเดิม
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในสายตานักวิเคราะห์ คือการดึงคนให้ออกมาเลือกตั้ง เพราะทั้งกลุ่มคนหนุ่มสาว คนอเมริกันผิวดำและคนอเมริกันเชื้อสายละติน ส่วนมากมักไม่ได้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน เพราะฉะนั้นถ้าพรรคเดโมแครตแพ้การเลือกตั้ง จะไม่ได้แพ้เพราะคนส่วนใหญ่อยากลงคะแนนให้ทรัมป์ แต่จะเป็นเพราะไม่สามารถดึงดูดคนกลุ่มนี้ให้ออกมาลงคะแนนเสียงนั่นเอง