ไฟป่าภาคตะวันตกสหรัฐฯ โหมหนักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก

Wildfire in California

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะเดินทางเยี่ยมเยือนรัฐแคลิฟอร์เนียในวันจันทร์นี้ เพื่อตรวจดูความเสียหายจากไฟป่าที่ลุกลามหลายพื้นที่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ทำเนียบขาวมีแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะพบปะกับเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นและส่วนกลางที่เมืองซาคราเมนโต้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันจันทร์ เพื่อรับฟังสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับไฟป่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อสองปีก่อน ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางเยือนรัฐแคิฟอร์เนียหลังเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ และกล่าวโทษการบริหารจัดการป่าไม้และกฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าขาดประสิทธิภาพ ทำให้ไฟป่าลุกลามเกินควบคุม

สำหรับสถานการณ์ของไฟป่าในขณะนี้ได้เริ่มบรรเทาลง หลังจากที่กระแสลมเริ่มสงบลงและความชื้นเพิ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมไฟป่าได้หลายจุดในสามรัฐ คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐโอเรกอน และรัฐวอชิงตัน

ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียลุกลามกินพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 12,500 ตร.กม. ซึ่งมากที่สุดเป็นสถิติใหม่ ในขณะที่รัฐวอชิงตันทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือมีพื้นที่เสียหายจากไฟป่ามากเป็นอันดับสอง

ส่วนที่รัฐโอเรกอน ทางการสั่งอพยพและประกาศเตือนประชาชนแล้วราว 500,000 คน หรือประมาณ 1 ใน 10 ของประชากรทั้งหมดของรัฐนี้ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนศูนย์ประชุมใหญ่ของรัฐโอเรกอน ในเมืองพอร์ตแลนด์ ให้เป็นสถานที่หลบภัยฉุกเฉินชั่วคราว

จนถึงขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 28 คน ในจำนวนนี้อย่างน้อย 19 คนอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และ 6 คนอยู่ในรัฐโอเรกอน

ขณะเดียวกัน มีรายงานมลภาวะทางอากาศจากควันไฟในหลายเมืองทางภาคตะวันตก

ที่เมืองเซเลม รัฐโอเรกอน ดัชนีคุณภาพอากาศขึ้นไปสูงถึง 512 ในวันเสาร์ ส่วนที่เมืองพาราไดซ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ดัชนีขึ้นไปถึง 592 ซึ่งทางการรัฐโอเรกอนกล่าวว่า ตัวเลขที่เกิน 200 คือ "ไม่ดีต่อสุขภาพ" เกิน 300 คือ "เป็นอันตราย" และเกิน 500 ถือว่า "อันตรายอย่างสุดขั้ว" โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอให้ประชาชนอยู่แต่ภายในตัวอาคารเพื่อหลีกเลี่ยงควันจากไฟป่าดังกล่าว

ด้านผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม กล่าวว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นถือเป็นความฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ทั่วประเทศจนกว่าเราจะร่วมมือกันเพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก

ลีรอย เวสเตอร์ลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเมอร์เซด กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลของการจำลองเหตุการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเวลาหลายปี พบว่าการเกิดไฟป่าจะยิ่งรุนแรงเป็นประวัติการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในแถบภาคตะวันตกของสหรัฐฯ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงขึ้น ประกอบกับความแห้งแล้งที่เพิ่มขึ้น จะยิ่งทำให้มีใบไม้กิ่งไม้แห้งที่เป็นเชื้อเพลิงของไฟป่าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำนักงานด้านสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NOAA รายงานว่า รัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐโอเรกอนมีอุณหภูมิร้อนขึ้นราว 1.1 องศาเซลเซียสตั้งแต่เริ่มศตวรรษที่ 20 ขณะที่รัฐวอชิงตันร้อนขึ้นราว 0.8 องศาเซลเซียส ประกอบกับปริมาณหิมะบนภูเขาและน้ำฝนที่ลดลงตลอดทั้งปี ทำให้เกิดความแห้งแล้งยาวนานขึ้นในช่วงฤดูร้อน

รายงานการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า เวลานี้รัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐมีความแห้งแล้งมากที่สุดในรอบหลายร้อยปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก