ซีไอเอระบุ 'ฮาวานา ซินโดรม' ไม่ใช่การโจมตีจากประเทศคู่อริสหรัฐฯ

Cubans drive past the US embassy during a rally calling for the end of the US blockade against Cuba, in Havana, March 28, 2021

สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ (CIA) จัดทำรายงานการสืบสวนเรื่องการเกิดอาการป่วยที่เรียกว่า ฮาวานา ซินโดรม (Havana Syndrome) ในหมู่นักการทูตอเมริกันในประเทศต่าง ๆ โดยเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่การโจมตีจากรัฐบาลต่างชาติที่มุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ

สื่อหลายแห่งในสหรัฐฯ รวมทั้ง นิวยอร์ก ไทมส์, เอ็นบีซี นิวส์ และโพลิติโค รายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคน ที่ระบุถึงรายงานการตรวจสอบของซีไอเอชิ้นนี้ว่า จากการตรวจสอบผู้ที่มีอาการฮาวานา ซินโดรม เกือบ 1,000 คน ไม่พบความเกี่ยวข้องระหว่างอาการดังกล่าวกับการมุ่งเป้าทำร้ายโดยรัฐบาลต่างชาติ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่อาจเกิดจากปัจจัยทางการแพทย์หรือสิ่งแวดล้อม

ถึงกระนั้น รายงานชิ้นนี้ชี้ว่า ซีไอเอยังไม่มีข้อสรุปสำหรับผู้ที่เกิดอาการนี้อีกราว 20 คน และยังไม่ตัดโอกาสที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลต่างชาติในกลุ่มผู้มีอาการฮาวานา ซินโดรม กลุ่มนี้ โดยจะมีการสืบสวนต่อไป

Havana Syndrome

ขณะที่สื่อเอ็นบีซีระบุว่า เอกสารการสืบสวนของซีไอเอชิ้นนี้ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้ายของกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องนี้

อาการป่วยที่ยังไม่สามารถอธิบายที่มาและสาเหตุได้นี้ เริ่มพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2016 ที่สถานทูตอเมริกันในกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา เมื่อมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในคิวบา และครอบครัว รวมจำนวน 22 คน มีการเจ็บป่วยปริศนา เช่น สูญเสียการได้ยิน ปวดเวียนศีรษะ มีปัญหาด้านการทรงตัว อ่อนเพลีย มีปัญหาด้านการรับรู้ และมีปัญหาการนอนหลับ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นนานราว 10 เดือน

ต่อมาพบอาการป่วยลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกกับเจ้าหน้าที่การทูตอเมริกันที่ประเทศจีน รัสเซีย เยอรมนี ออสเตรีย และประเทศอื่น ๆ

คณะกรรมการของสถาบันวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการแพทย์แห่งชาติ ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนจากคลื่นวิทยุน่าจะเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดของอาการป่วยดังกล่าว ขณะที่มีเจ้าหน้าที่อเมริกันบางคนที่กล่าวหาว่า รัสเซียอาจอยู่เบื้องหลังการโจมตีโดยใช้คลื่นไมโครเวฟ

อย่างไรก็ตาม ผลการสืบสวนล่าสุดของซีไอเอได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ล้มป่วยจากอาการนี้หลายคนซึ่งระบุว่า รายงานของซีไอเอชิ้นนี้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้อสรุปใด ๆ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย ตามรายงานของสื่อนิวยอร์ก ไทมส์