Your browser doesn’t support HTML5
แบงค์ชาติจีน ออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่า ภาคการเงินของจีนจะสามารถรับมือกับผลกระทบจากความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน มูลค่า 310,000 ล้านดอลลาร์ได้ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนโดยรวม ตามรายงานของเอพี
นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน (PBOC) กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในวันพฤหัสบดี (9 ธันวาคม) ว่า ความเสี่ยงในระยะสั้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบภาคการเงินของจีนในระยะกลางและระยะยาวอย่างแน่นอน
ผู้ว่าแบงค์ชาติจีน ยังบอกถึงประเด็นความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ด้วยว่า กรณีของเอเวอร์แกรนด์เป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งในตลาดที่สามารถจัดการได้ตามกรอบหลักการและกฎหมาย ขณะที่ผลประโยชน์ของผู้ลงทุนจะได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายด้วยเช่นกัน
ท่าทีของผู้ว่าแบงค์ชาติจีน ตอกย้ำถึงความชัดเจนของรัฐบาลปักกิ่งว่าไม่มีแผนการที่จะเข้าไปแทรกแซงเพื่อช่วยให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน เดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้การควบคุมของรัฐในเร็วๆ นี้ แต่อย่างใด
ประเด็นความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ ได้สะเทือนตลาดเงินตลาดทุนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์หลายราย เห็นว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องการหลีกเลี่ยงการส่งสัญญาณที่ผิดๆ ในระหว่างที่ทางการจีนพยายามควบคุมบริษัทต่างๆ ให้ปรับลดภาระหนี้ขององค์กรอยู่ในขณะนี้
สำนักข่าวเอพี เผยทัศนะของนักเศรษฐศาสตร์ต่อวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ ที่มองว่า การผิดนัดชำระหนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้สำหรับกรณีของเอเวอร์แกรนด์ แต่รัฐบาลปักกิ่งจะยังสามารถทำให้ตลาดกู้ยืมเงินดำเนินการต่อไปได้แม้เอเวอร์แกรนด์ผิดนัดชำระหนี้ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของจีนจะยังสามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนเพื่อควบคุมความวุ่นวายโกลาหลในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้ และแบงค์ชาติจีนเพิ่งปล่อยเงินทุนสำรองราว 1.2 ล้านล้านหยวนสำหรับการกู้ยืมเพิ่มเติมออกมาเมื่อวันจันทร์
ปัจจุบัน ระดับหนี้ภาคเอกชน หนี้ภาครัฐ และหนี้ครัวเรือนของจีน พุ่งสูงถึงระดับ 300% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ ซึ่งเพิ่มจากระดับ 270% เมื่อปี ค.ศ. 2018 และถือเป็นระดับหนี้ที่สูงในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง
ที่มา: เอพี