Your browser doesn’t support HTML5
เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วที่จีนยังใช้มาตรการ ‘โควิดเป็นศูนย์’ ที่เข้มงวดซึ่งมีการปิดพรหมแดนและการจำกัดการเดินทางของพลเมืองตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่ากลยุทธ์ข้างต้นไม่สามารถต้านทานการระบาดในระยะยาวได้ โดยเฉพาะเมื่อมีเกิดสายพันธุ์โควิดใหม่ขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น สายพันธุ์โอมิครอนที่ทวีการระบาดอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้า
ความเข้มงวดในมาตรการของจีน ดำเนินต่อไปแม้ประเทศต่างๆ จำนวนมาก ปรับเเนวทางตามสถานการณ์
ไม่นานนี้ การระบาดในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออก ใช้มาตรการกักตัวดูอาการ ต่อประชากรกว่า 500,000 คน ในเขตเศรษฐกิจดักล่าว และเมื่อเดือนที่เเล้ว สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ที่เซึ่งไฮ้ถูกสั่งปิด และห้ามคนที่กำลังอยู่ภายในออกจากสวนสนุกจนกว่าเจ้าหน้าที่ตรวจเชื้อ ทั้งหมด 100,000 ครั้ง หลังจากที่พบคนติดโควิดเพียงหนึ่งราย
ลอเรนซ์ กอสติน ผู้อำนวยการสถาบัน World Health Organization Collaborating Center on National and Global Health Law บอกวีโอเอว่า “ประเทศจีนควรจะได้รับการชื่นชมที่สามารถลดตัวเลขการติดเชื้อโควิดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำได้ถึงสองปี แต่ผมคิดว่าเราผ่านจุดที่จะเน้นเรื่องการเพิ่มขึ้นจำนวนเคสลงแล้ว เพราะโควิดสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย และสุดท้ายแล้ว รัฐบาลจีนก็จะต้องเปิดประเทศในที่สุด”
เฉิน ชี อาจารย์ด้านนโยบายสาธารณสุขและเศรษฐกิจแห่ง Yale School of Public Health ชี้ว่ารัฐบาลปักกิ่งได้ปรับกลยุทธ์ “โควิดเป็นศูนย์’ ให้มีความยืนหยุ่นขึ้น เนื่องจากทางการจีนทราบว่าไม่สามารถทำให้ยอดผู้ติดเชื้อหายไปเป็นศูนย์ได้
อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจีนจะผ่อนคลายมาตรการใดๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญผู้นี้อธิบายว่าอาจะเป็นเพราะว่าทางการจีนไม่ต้องการให้งานสำคัญต่างๆถูกยกเลิก เช่น งานโอลิมปิกฤดูหนาวและงานประชุมสภาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติครั้งที่ 20 ท่ีหลายคนคาดว่านายก สี จินผิง จะได้การแต่งตั้งในดำรงตำแหน่งประธานาธิบต่ออีกหนึ่งสมัย
นอกจากนี้ อาจารย์ เฉินยังพูดต่อว่า “จีนไม่มีระบบสาธารณสุขที่สามารถรองรับการระบาดใหญ่ๆ ได้ ยกตัวอย่างจากสัดส่วนเจ้าหน้าที่พยาบาลต่อประชากรทุกๆ 1,000 คน อยู่ในระดับตำ่กว่าของสหรัฐฯ โดยอเมริกา มีพยาบ าลต่อประชากรมากกว่าจีน 7 เท่า และสหรัฐฯ เองก็มีจำนวนพยาบาลไม่พอเพียงต่อคนไข้”
ทางด้าน ไรน่า แมคอินไทร์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาแห่ง University of New South Wales ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้กล่าวว่า ถ้า จีนควบคุมการระบาดได้ดี และสุขภาพของประชากรแข็งแรงโดยรวม จีนอาจสามารถใช้เรื่องนี้ส่งเสริมภาพลักษณ์และอิทธิพลของตน
ขณะนี้ นโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ มุ่งเน้นการควบคุมการระบาดในประเทศจีนในสภาวะที่การแพร่กระจายของเชื้อยังคงเกิดขึ้นทั่วโลก โธมัส เฮลย์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการระบาดวิทยาจาก University of Oxford ในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่าโควิดจะระบาดต่อไปจนถึงปี 2023 หรือนานกว่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว โควิดจะกลายเป็นโรดระบาดท้องถิ่น (endemic) ดังนั้น รัฐบาลทั่วโลก รวมทั้งจีน จะต้องคิดแผนการควบคุมการระบาดอย่างต่อเนื่อง
อาจารย์เฮลย์ ล่าวต่อว่า “สำหรับโรคระบาดท้องถื่น เป็นเรื่องยากมากที่จะประเมินความสำเร็จในมาตรการควบคุมจากการดูตัวเลขผู้ติดเชื้อว่าเป็นศูนย์ได้”
เขาแนะนำว่าการดูภาพรวมของผลกระทบด้านสุขภาพจากโรคระบาดต่อประชากรจะเป็นเครื่องวัดความสำเร็จที่ดีกว่า ซึ่งในระหว่างนั้น รัฐบาลต่างๆควรจะเลือกใช้มาตรการต่างๆเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้งการฉีดวัคซีน การเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุข และการควบคุม