จับตา! เมื่อจีนแก้รัฐธรรมนูญ เอื้อ "ประธานาธิบดีสี" อยู่ในตำแหน่งได้ไม่มีกำหนด

FILE - In this Tuesday, Jan. 9, 2018, file photo, Chinese President Xi Jinping reviews a Chinese honor guard during a welcome ceremony for a visiting dignitary at the Great Hall of the People in Beijing.

Your browser doesn’t support HTML5

จีนอนุมัติแก้รัฐธรรมนูญ

"สมัชชาประชาชนจีน" ซึ่งมีฐานะเหมือนสภาตรายาง ลงมติสนับสนุนข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 79 ซึ่งจะเป็นผลให้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง อยู่ในตำแหน่งต่อไปได้โดยไม่มีกำหนด ด้วยคะแนนอย่างท่วมท้น โดยมีคะแนนไม่เห็นด้วยเพียง 5 เสียงเท่านั้น

ทางการจีนเพิ่งจะเปิดเผยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งได้โดยไม่จำกัดวาระ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ และพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้พยายามอธิบายว่าการตัดสินใจเรื่องนี้มีขึ้นหลายเดือนแล้ว และได้รับความสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากสาธารณชน ถึงแม้ทางการจีนจะสั่งห้ามการวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อสังคมออนไลน์ และมีการเซ็นเซอร์ผู้ที่ไม่เห็นด้วยอย่างเข้มงวดก็ตาม

พรรคคอมมิวนิสต์จีนให้เหตุผลว่า การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องนี้มีความจำเป็น เพราะประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ขณะนี้เป็นทั้งประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเป็นประธานคณะกรรมการกลางด้านการทหารของพรรคด้วย ซึ่งทั้งสองตำแหน่งนี้ไม่มีการกำหนดวาระ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวด้วยว่การไม่จำกัดวาระดำรงตำแหน่ง จะช่วยให้จีนยังคงมีผู้นำที่เข้มแข็งในช่วงเวลาที่ต้องการการปฏิรูปที่สำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม

เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนคนหนึ่ง กล่าวว่า การตัดสินใจยกเลิกข้อจำกัดเรื่องวาระดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้รับความสนับสนุนจากทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเหตุใด ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จึงจำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งมากกว่า 10 ปี หรือจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกนานเท่าไร

ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดี หู จินเต่า และอดีตประธานาธิบดี เจียง เจ๋อหมิน ก็เคยเป็นประธานใน 3 ตำแหน่งเช่นกัน แต่ทั้งคู่ก็พ้นจากหน้าที่ประธานาธิบดีเมื่ออยู่ครบวาระ 2 เทอมคือ 10 ปี

พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้ให้เหตุผลคำอธิบายว่า เดิมนั้นเหตุใดรัฐธรรมนูญของจีนจึงกำหนดวาระดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีไว้เพียง 10 ปี?

แต่ที่ทราบจากประวัติศาสตร์ก็คือ อดีตประธาน เหมา เจ๋อ ตุง ผู้เป็นประธานาธิบดีจีนยาวนานถึง 27 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 ถึง 2519 นั้น มีการตัดสินใจด้านนโยบายที่เสียหายและสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย โดยเฉพาะช่วงการปฏิวัติด้านวัฒนธรรม ทำให้มีชาวจีนต้องเสียชีวิตนับล้านคน

สำหรับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เขาได้ใช้นโยบายปราบปรามคอรัปชั่น ขณะเดียวกันก็เพิ่มการควบคุมทางสังคม และไม่อนุญาตให้ผู้ที่เห็นต่างแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์

นักรัฐศาสตร์บางคน เช่น อาจารย์ เซ็งเ ซียนหยวน ที่มหาวิทยาลัยซุงหัว ในไต้หวัน ชี้ว่า การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนแก้รัฐธรรมนูญและนำแนวคิดรวมทั้งเป้าหมายทางการเมืองของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง บรรจุรวมเข้าไปด้วยนั้น นับว่าเป็นอันตราย

เพราะการที่ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้อย่างไม่มีกำหนด อาจไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้งหรือท้าทายแนวความคิดของเขา หากมีการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง และการขาดกลไกที่จะช่วยป้องกันก่อนที่จะเกิดผลเสียด้านนโยบายที่ร้ายแรง

รวมทั้งการอยู่ในตำแหน่งโดยไม่มีวาระกำหนดนี้ จะทำให้ผู้นำของจีนขาดความรับผิดชอบในลักษณะที่พร้อมให้ตรวจสอบได้ และเรื่องนี้จะเป็นผลเสียต่อทางการเมืองและสังคมจีนเองในที่สุด