ผลสำรวจชี้ วัยรุ่นแอฟริกันมองจีนเป็นชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีป

A couple wearing face masks walk past a painting to mark the country's Youth Day holiday in Soweto, South Africa, June 16, 2020.

ผลสำรวจล่าสุดในปี 2022 ของสถาบันคลังสมอง (think tank) The Ichikowitz Family Foundation แห่งเมืองโจฮันเนสเบิร์กในประเทศแอฟริกาใต้พบว่า วัยรุ่นชาวแอฟริกันถึง 77% ในกว่า 15 ประเทศทั่วทวีปแสดงความเห็นว่า ประเทศต่างชาติที่มีอิทธิพลมากที่สุดในทวีปแอฟริกาของพวกเขา คือ จีน

ผู้ตอบแบบสำรวจข้างต้นซึ่งมีจำนวนมากถึง 4,500 คน และมีอายุระหว่าง 18-24 ปี ระบุว่า สหรัฐฯ มีอิทธิพลเช่นกันแต่เป็นที่สองรองจากจีน เนื่องจากได้คะแนนเพียง 67% เท่านั้น โดยเมื่อมองในภาพรวม อิทธิพลของสหรัฐฯ ได้ถูกมองว่าลดน้อยลงตั้งแต่ปี 2020 แล้ว

ทั้งนี้ คำถามติดตาม (follow-up question) ว่าอิทธิพลจากต่างชาติที่มีนั้นเป็นในแง่บวกหรือลบ วัยรุ่นชาวแอฟริกันตอบว่าเป็นบวก และในหมวดหมู่นี้ จีนได้คะแนน 76% และสหรัฐฯ ได้ 72%

สามเหตุผลหลักที่ทำให้อิทธิพลของจีนถูกมองว่าเป็นบวก ก็คือ สินค้าของจีนที่ราคาจับต้องได้ การลงทุนจากจีนด้านโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่าง ๆ ในทวีปแอฟริกา และการสร้างงานจากบริษัทจีนในทวีป

Algerien China

อิเวอร์ อิคโควิช ผู้ก่อตั้งสถาบันคลังสมอง The Ichikowitz Family Foundation เล่าให้ฟังว่า ทางสถาบันได้จัดทำแบบสำรวจครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด ในขณะนั้น วัยรุ่นชาวแอฟริกันส่วนใหญ่ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นชาติที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปของพวกเขา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นจีนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด

อิคโควิชพูดถึงการเปลี่ยนแปลงข้างต้นว่า เกิดจากองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นขวัญใจในหมู่วัยรุ่นชาวแอฟริกันเพราะในสายตาของคนกลุ่มนี้ ทรัมป์แลดูเป็นผู้นำที่ทรงพลังและมีเสน่ห์ นอกจากนี้ หมู่วัยรุ่นในทวีปยังเห็นว่า การลงทุนและบทบาทของจีนยังดูชัดเจนและมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบสำคัญต่อการพัฒนาทวีปอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม อิคโควิชกล่าวเสริมว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการลงทุนของจีนในทวีปแอฟริกา แต่ก็ถือเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลต่างๆ ในทวีปจะเลือกไม่เห็นคุณค่าของจีน เพราะจีนนั้นให้เงินทุน ให้ความรู้ความชำนาญ และเปิดตลาด(แก่แอฟริกา) ในขณะที่ ยุโรปและสหรัฐฯ ไม่ทำเช่นนั้น

รายงานจาก คณะกรรมาธิการสหภาพแอฟริกา (African Union Commission) ระบุว่า กว่า 40% ของประชากรวัยรุ่นของโลกจะอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาในอีก 10 ปีข้างหน้า ดังนั้น อิคโควิช เห็นว่า การที่จีนเข้ามามีบทบาทในการช่วยสร้างชนชั้นกลางในแอฟริกาจะหมายถึงการช่วยสร้างกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคขนาดใหญ่ของโลกไปในเวลาเดียวกันด้วย

ในรายงานข้างต้นมีการแสดงความกังวลจากวัยรุ่นชาวแอฟริกันบางส่วน เพราะ 24% ชี้ว่า การลงทุนของจีนเป็นรูปแบบหนึ่งของ “การล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ” และอีก 36% ระบุว่า จีนเข้ามาส่งออกทรัพยากรของแอฟริกา โดยไม่ที่การจ่ายเงินชดเชยอย่างยุติธรรม

โวนิโซ นักศึกษาแพทย์วัย 23 ปีที่อาศัยอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นหนึ่งประเทศที่มีการสำรวจความคิดเห็นนี้ และปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเต็มเมื่อให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ อธิบายถึงเหตุผลที่จีนขึ้นแท่นมาเป็นอันดับหนึ่งว่า หลัก ๆ มาจากการเข้ามาลงทุนอย่างมหาศาลของจีน

โวนิโซ กล่าวว่า เธอกังวลถึงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เกิดขึ้นในจีน โดยเฉพาะต่อกลุ่มชนมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียง ดังนั้น เธอจึงชอบรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตยของโลกตะวันตกมากกว่า

และถึงแม้วัยรุ่นชาวแอฟริกันส่วนใหญ่จะชอบการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า การปกครองรูปแบบดังกล่าวนั้นยังไม่เหมาะสมกับทวีปของพวกเขา

ส่วนนักธุรกิจวัยสามสิบอย่าง แทตดาซานิ นาติ กล่าวกับ วีโอเอ ว่า ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นั้น เขาไม่ชอบชาติใดเป็นพิเศษ เนื่องจากทั้งประเทศต่างต้องการหาผลประโยชน์และกำไรเข้าตนเองทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดนั้นคือ การหาแสวงหาผลประโยชน์จากทวีปด้วยเงื่อนไขที่ยุติธรรมและเป็นประโยชน์ต่อคนในพื้นที่มากที่สุด

  • ที่มา: วีโอเอ