Your browser doesn’t support HTML5
ในขณะที่ สหรัฐฯ กับจีน กำลังเจรจาอย่างเคร่งเครียดเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงสงครามการค้า ดูเหมือนภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อาจไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการมาตรการตอบโต้ทางการค้าของจีน ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า เป็นเพราะจีนยังคงต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จากสหรัฐฯ ผ่านการลงทุนร่วมกับบริษัทจีน
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว จีนประกาศชื่อสินค้าหลายประเภทจากสหรัฐฯ ที่จะถูกเพิ่มภาษีนำเข้า เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาบสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะไม่ถูกรวมอยู่ในมาตรการตอบโต้ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปประกาศว่า กำลังพิจารณากฎหมายที่ห้ามไม่ให้บริษัทจีนซื้อกิจการของบริษัทในยุโรป เพื่อป้องกันการครอบครองข้อมูลด้านเทคโนโลยีของบริษัทยุโรปเหล่านั้น โดยจีนมีความกังวลว่าสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการแบบเดียวกัน
คุณอเล็กซ์ คาปรี (Alex Capri) นักวิชาการด้านการค้าระหว่างประเทศ จาก National University of Singapore กล่าวว่า ตนเชื่อว่ากำลังมีเสียงเรียกร้องมากขึ้นในสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้บริษัทจีนควบรวมกิจการของบริษัทอเมริกัน เพื่ออาศัยประโยชน์จากเทคโนโลยีของบริษัทเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ในกรณีของบริษัท หัวเหว่ย (Huawei) ที่เผชิญอุปสรรคในการซื้อกิจการด้านโทรคมนาคมในสหรัฐฯ
ความกังวลดังกล่าว ทำให้ นายก รมต.จีน หลี่ เค่อเฉียง ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จากนี้ไป บริษัทต่างชาติที่ร่วมทุนกับบริษัทจีนเพื่อให้เข้าถึงตลาดจีนนั้น ไม่มีข้อผูกมัดที่ต้องแบ่งปันเทคโนโลยีกับบริษัทจีนอีกต่อไป ถือเป็นการยกเว้นข้อกำหนดที่เชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เทคโนโลยีของจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คุณแดเนียล อีฟเวส (Daniel Ives) แห่งบริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยี GBH Insights ชี้ว่า การปรับเปลี่ยนข้อจำกัดที่ว่านี้ อาจทำให้จีนไม่สามารถต้านทานการเข้ามาลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีออนไลน์รายใหญ่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ Facebook, Amazon, Netflix และ Google (FANG) และดูเหมือนบริษัทเหล่านี้จะมีเกราะป้องกันมาตรการขึ้นภาษีของจีนด้วย
รวมทั้งยังเป็นเรื่องยากที่จะจำกัดการลงทุนของบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหญ่ๆ อย่าง Apple ที่ร่วมทุนกับบริษัท Foxconn ของไต้หวัน ตั้งโรงงานผลิตในหลายเมืองของจีน
โดยนักวิเคราะห์บอกว่า ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา จะส่งผลเสียต่อบริษัทจีนเอง รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมของจีนด้วย
(ผู้สื่อข่าว Saibal Dasgupta รายงานจากกรุงปักกิ่ง / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)