Your browser doesn’t support HTML5
นายเติ้ง เสี่ยวเหวิน ผอ.ศูนย์ควบคุมสิ่งแวดล้อมของจีน ระบุว่าในแหล่งน้ำบางแห่งใกล้จุดเกิดเหตุ มีระดับสารไซยาไนด์สูงกว่าระดับปลอดภัยเกิน 350 เท่า แต่ยืนยันว่าน้ำปนเปื้อนสารพิษนั้นยังไม่ไปปะปนกับแหล่งน้ำดื่มของเมืองเทียนจิน และทางการจะไม่ปล่อยน้ำปนเปื้อนออกไปจนกว่าจะแน่ใจว่าน้ำนั้นสะอาดปลอดภัยเพียงพอ
ผอ.ศูนย์ควบคุมสิ่งแวดล้อมของจีนบอกว่า จากการทดสอบแหล่งน้ำที่อยู่นอกบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่ามีสารไซยาไนด์ปะปนอยู่บ้างในระดับที่ไม่เป็นอันตราย แต่ดูเหมือนคำประกาศดังกล่าวมิได้บรรเทาความหวาดกลัวของประชาชนแต่อย่างใด เมื่อมีภาพปลาตายตามแหล่งน้ำต่างๆ ถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์ ซึ่งนายเติ้ง เสี่ยวเหวิน รับปากว่าจะมีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่าปลาเหล่านั้นตายเพราะสาเหตุใด
ด้านนายกเทศมนตรีเมืองเทียนจิน นายหวง ซิงกัว เปิดเผยว่าทางเทศบาลได้ร่างแผนย้ายโรงงานเคมีออกจากเขตปินไห่ ซึ่งเป็นจุดที่เกิดระเบิด ไปยังเขตอุตฯ นานกัง ทางใต้ของท่าเรือเมืองเทียนจินแล้ว พร้อมระบุว่าเขตอุตฯปิโตรเคมีนานกัง เทียบได้กับเขตอุตสาหกรรมพิเศษเกาะจูร่งของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
นอกจากนี้ นายหวง ซิงกัวยังระบุว่า คณะรัฐมนตรีจีนได้เสนอให้มีการปฏิรูปอุตสาหกรรมเคมีทั่วประเทศ ตลอดจนการปราบปรามบริษัทที่ละเมิดกฏหมายและข้อบังคับต่างๆ รวมถึงบริษัท Ruihai International Logistics ซึ่งเป็นเจ้าของโกดังที่เกิดเหตุด้วย
ด้านนายหลิว หยูฮัง ผู้บริหารสมาพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อของจีน ชี้ว่าการตั้งเขตอุตสาหกรรมพิเศษตามที่นายหวงเสนอนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศจีน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีการจัดตั้งเขตอุตฯ ลักษณะเดียวกันที่นครเซี่ยงไฮ้และเมืองนานกิงมาแล้ว ซึ่งการนำโรงงานเคมีภัณฑ์มารวมไว้ในสถานที่เดียวกันจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตามนายหลิวยังคงไม่มั่นใจในด้านของระบบรักษาความปลอดภัย เขาบอกว่าเมื่อเคมีภัณฑ์ต่างๆ อยู่ในบริเวณเดียวกัน การเกิดอุบัติเหตุขนาดเล็กก็อาจลุกลามกินวงกว้างอย่างคาดไม่ถึงได้ ดังนั้นทั้งฝ่ายรัฐบาลและเอกชนควรนั่งลงหารือเรื่องนี้อย่างจริงจัง นอกจากนี้เขายังขอให้เจ้าหน้าที่จีน เพิ่มความใส่ใจในด้านการบังคับใช้กฏหมายและเร่งปราบปรามปัญหาคอรัปชั่นในทุกระดับมากขึ้น
ขณะเดียวกัน นายแจ็ค เชห์ ผู้บริหารสมาคมปิโตรเคมีของจีน ชี้ว่าประสบการณ์จากเกาะจูร่งของสิงคโปร์ชี้เห็นว่า การบริหารจัดการสารเคมีอันตรายอย่างเป็นมืออาชีพ คือกุญแจสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นเหมือนที่ท่าเรือเมืองเทียนจิน
นายแจ็ค เชห์ ระบุว่า เกาะจูร่งของสิงคโปร์มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดไม่ต่างจากค่ายทหาร คนที่จะผ่านเข้าออกต้องถูกตรวจอย่างละเอียด
นอกจากนี้บนเกาะจูร่งยังมีสถานีดับเพลิงที่พร้อมสรรพทั้งในด้านอุปกรณ์และกำลังคน โดยจะมีการฝึกรับมืออัคคีภัยอยู่เป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย
(ผู้สื่อข่าว Joyce Huang รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)