ทางการจีนเดินหน้าผ่อนคลายระดับความเข้มงวดของมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 และยกเลิกข้อจำกัดบางรายการเพิ่ม แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะยังคงอยู่ในระดับใกล้สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านนโยบายคุมเข้มของรัฐอย่างต่อเนื่องในช่วงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา
รายงานข่าวระบุว่า หน่วยงานสาธารณสุขจีนประกาศการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ออกมาโดยไม่ได้พูดถึงเหตุประท้วงที่เกิดขึ้นมากมายทั่วประเทศในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การจุดเทียนไว้อาลัยในกรุงปักกิ่ง ไปจนถึงการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจในนครกว่างโจวเมื่อวันอังคารและที่โรงงานผลิตไอโฟนในเมืองเจิ้งโจวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
SEE ALSO: จีนผ่อน 'กฎเหล็กโควิด' หลังประท้วงลุกลาม แต่ยังคงรักษายุทธศาสตร์ภาพรวม
ทั้งนี้ การชุมนุมประท้วงทั่วจีนครั้งนี้ถือเป็นอารยะขัดขืนครั้งใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อทศวรรษก่อน และเกิดขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงที่มีการขยายตัวลดลงมากกว่าในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาด้วย
และแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนจะใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รองนายกรัฐมนตรีซุน ชุนหลาน ที่ดูแลงานด้านโควิด กล่าวว่า ความสามารถของไวรัสในการก่อให้เกิดอาการป่วยนั้นอ่อนตัวลงแล้ว ตามรายงานของสื่อรัฐบาลจีน
สื่อดังกล่าวรายงานว่ารองนายกรัฐมนตรีชุน ระบุว่า “ประเทศ(จีน) กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใหม่และงานหนักใหม่ ๆ ในการป้องกันและควบคุมการระบาด ขณะที่ ความสามารถในการก่อโรคของไวรัสโอมิครอนอ่อนตัวลง ผู้คนที่ได้รับวัคซีนก็มีจำนวนมากขึ้น และประสบการณ์ด้านการคุมไวรัสก็เพิ่มสูงขึ้นอยู่นี้” พร้อมเรียกร้องให้มี “การเพิ่มประสิทธิภาพ” นโยบายการทดสอบการติดเชื้อ การรักษาอาการป่วยและการกักตัวเฝ้าระวังอาการด้วย
กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป
หลังเกิดเหตุประท้วงรุนแรงในเมืองกว่างโจวไม่ถึง 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ท้องถินในอย่างน้อย 7 เขตอุตสาหกรรมของจีนที่อยู่ไม่ไกลจากฮ่องกงประกาศยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์ โดยหนึ่งในเขตนั้นยังอนุญาตให้โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ตามปกติ รวมทั้งให้ภัตตาคารและธุรกิจบริการอื่น ๆ เช่น โรงภาพยนตร์ เปิดทำการได้อีกครั้งแล้ว
รอยเตอร์รายงานว่า ที่ชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงปักกิ่ง เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการป่วยอ่อน ๆ สามารถกักตัวที่บ้านได้แล้ว ขณะที่ เพื่อนบ้านของผู้ติดเชื้อและผู้อาศัยที่อยู่ 3 ชั้นเหนือและใต้ห้องของผู้ติดเชื้อก็ได้รับคำแนะนำให้ทำการเฝ้าระวังอาการที่บ้านเท่านั้น โดยทั้งหมดนี้เป็นการผ่อนคลายอย่างหนักเมื่อเทียบกับกฎล็อกดาวน์ที่ประกาศใช้มาเมื่อช่วงต้นปี ที่ทุกคนในชุมชนต้องถูกกักตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลานับสัปดาห์ แม้จะมีการพบผู้ติดเชื้อเพียงคนเดียวก็ตาม
และที่เมืองฉงชิ่ง เจ้าหน้าที่เริ่มอนุญาตให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผ่านเกณฑ์กำหนดบางประการแล้ว ทำการกักตัวเฝ้าระวังอาการที่บ้านได้ ส่วนทางการเมืองเจิ้งโจวก็เพิ่งประกาศให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ยิม และภัตตาคาร กลับมาเปิดให้บริการ “ทีละส่วน” เช่นกัน
โอกาสของการเปิดประเทศปีหน้า
ทั่วโลกนั้นหวังให้จีนยอมเปิดประเทศอีกครั้งภายในปีหน้าทันทีที่อัตราการฉีดวัคซีนของคนในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ สูงถึงระดับที่ปลอดภัยกว่าในปัจจุบัน แม้จะมีการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดบางส่วนไว้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบางรายเตือนว่า จีนอาจประสบปัญหาผู้ป่วยและการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นได้ หากไม่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ก่อนจะประสบความสำเร็จในการเร่งฉีดวัคซีนให้คนในประเทศ
SEE ALSO: ล็อกดาวน์และการกระจายวัคซีนโควิด-19 ไม่ทั่วถึงจะกระทบห่วงโซ่อุปาทานจากแอฟริกาและเอเซียถึงทั่วโลก
ขณะเดียวกัน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในวันพุธว่า การพบการระบาดใหม่ในหลายจุดของจีนอาจส่งผลเสียหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคตอันใกล้ หลังจากที่การดำเนินมาตรการเข้มงวดที่ผ่านมาทำให้เศรษฐกิจของประเทศซบเซาลงหนักไปแล้ว ทั้งยังนำมาซึ่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของประเทศอื่น ๆ ด้วย
- ที่มา: รอยเตอร์