ผู้นำระดับสูงของจีนประกาศชัยชนะเหนือโควิด-19 จากความพยายามในการรักษาผู้คนมากกว่า 200 ล้านคนจากโควิด และชูความสำเร็จในแง่ตัวเลขผู้เสียชีวิตต่ำสุดในโลก ตามรายงานของรอยเตอร์
คณะกรรมการโปลิตบูโรของจีน กล่าวในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีว่า "ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2022 เป็นต้นมา มาตรการรับมือโควิด-19 ของจีนได้ทำให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น” และ "ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด"
ทั้งนี้ มีผู้ป่วยรุนแรงจากโควิด-19 ในจีน เกือบ 800,000 คนที่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม แต่ผู้นำระดับสูงของทางการจีนได้เตือนว่า ระหว่างที่สถานการณ์การระบาดอยู่ในทิศทางดีขึ้นในจีน ไวรัสยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก และยังคงเดินหน้ากลายพันธุ์ต่อไป ตามรายงานของสื่อของรัฐบาลปักกิ่ง
SEE ALSO: จีนเผยไม่ห่วงระบาดระลอกสอง เพราะประชากร 80% ติดโควิดไปแล้ว!การประชุมดังกล่าวในวันพฤหัสบดี มุ่งเน้นแผนการเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ รวมทั้งเพิ่มปริมาณและการผลิตยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นและกระทรวงต่าง ๆ เสริมสร้างความเข้มแข็งในระบบสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น อ้างอิงจากสื่อซินหัว
เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน จีนยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด หลังเกิดการประท้วงต่อต้านไปทั่วประเทศ แต่การยกเลิกมาตรการแบบฉับพลันได้ทำให้ประชากร 1,400 ล้านคนของจีนที่เคยอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่พบการระบาดในเมืองอู่ฮั่นเมื่อปี 2019
ทั้งนี้ หลายประเทศรวมทั้งองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยังคลาแคลงใจว่าจีนรายงานตัวเลขเสียชีวิตต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นเวลาหลายเดือนมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว รวมไปถึงความกังวลเรื่องการเดินทางครั้งใหญ่ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาว่าจะเป็นโอกาสให้เกิดการระบาดใหญ่ในจีน แต่รัฐบาลปักกิ่งระบุว่าสถานการณ์โควิดในประเทศระบาด “ในระดับต่ำ” หลังจากผ่านพ้นเทศกาลหยุดยาวตรุษจีนมา
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในการควบคุมการระบาดของจีนถือว่าสูงมาก โดยมณฑลต่าง ๆ ของจีน ต้องใช้งบประมาณอย่างน้อง 352,000 ล้านหยวน หรือเกือบ 1,800 ล้านบาท เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 เมื่อช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานงบประมาณประจำปีของรัฐบาลท้องถิ่นของจีน ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดทางการเงินในระดับท้องถิ่นในช่วงที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างช้า ๆ
- ที่มา: รอยเตอร์