Your browser doesn’t support HTML5
ขณะนี้รัฐบาลกรุงปักกิ่งกำลังเพิ่มมาตรการควบคุมเงินไหลออก ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินหยวน ขณะที่แรงกดดันอาจเพิ่มขึ้นอีกระดับ หากว่าว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ใช้มาตรการที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนของจีนในอนาคต
ที่ผ่านมาเงินหยวนอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปีครึ่งเทียบกับดอลลาร์ และนักวิเคราะห์คาดว่าการอ่อนค่าลงอาจเกิดขึ้นต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการชะลอการไหลออกของเงินทางการจีนใช้มาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้น
ในสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางของจีนออกกฎให้การปล่อยกู้เงินสกุลหยวนในต่างประเทศโดยบริษัทจีนต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อน
นอกจากนั้นมูลค่าเงินกู้ต้องไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัทจีนเหล่านั้น
อีกมาตรการหนึ่งคือ รัฐบาลสั่งให้ธนาคารต่างๆ รายงานการโอนเงินต่างประเทศที่มีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ และหากว่าการโอนเงินสูงกว่า 10 ล้านดอลลาร์ จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐก่อน
สำหรับสถานการณ์เงินไหลออกของจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนสำคัญมากจากการลงทุนของจีนในต่างประเทศ
เมื่อปีที่แล้ว การลงทุนต่างประเทศของจีนสูง 187,000 ล้านดอลลาร์ และในปีนี้การลงทุนในต่างประเทศแตะระดับดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว เฉพาะช่วง 9 เดือนแรกของปีเท่านั้น
นักวิเคราะห์ Jacob Kirkegaard จากสถาบัน Peterson Institute for International Economics กล่าวว่า เงินที่ไหลออกจากจีนไป บางครั้งถูกลงทุนในธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมที่ผู้ลงทุนเชี่ยวชาญ เช่น บริษัทโรงถลุงแร่ที่นำเงินไปลงทุนในกิจการเกมส์ออนไลน์ เป็นต้น
อีกประการหนึ่ง คือการโอนเงินเข้าไปในบัญชีในประเทศที่เสนอสิทธิพิเศษทางภาษีหรือที่เรียกว่า tax heavens เช่นหมู่เกาะ Cayman และ Bermuda อีกด้วย
สาเหตุของการอ่อนค่าลงของเงินหยวนเหล่านี้ ยังไม่นับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการต้นปีหน้า
ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวว่าช่วงหาเสียงเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจีนเป็นประเทศที่แทรกแซงค่าเงิน และตนมีแผนใช้มาตรการภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนที่อัตราสูงถึง 45%
(รายงานโดย Bill Ide / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)