วิเคราะห์: จับตาท่าที 'จีน' สานสัมพันธ์ 'ออสเตรเลีย-อินเดีย' หลังการเลือกตั้ง

India's Prime Minister Narendra Modi speaks with Chinese President Xi Jinping as they take a boat ride on the East Lake in Wuhan, China, April 28, 2018.

Your browser doesn’t support HTML5

China Australia India

ในช่วงไม่กี่สับดาห์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียและอินเดียได้ลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนเดิมเข้าทำงานเป็นสมัยที่สอง นักวิเคราะห์มองว่า จีนได้จับตามองการเลือกตั้งของทั้งสองประเทศนี้ ซึ่งมีความสัมพันธ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ กับจีนมาโดยตลอด เพื่อจะดูว่าจีนจะสามารถโน้มน้าวให้ออสเตรเลียและอินเดียหนุนหลังนโยบายสำคัญ ๆ ของจีนได้หรือไม่

เดือนพฤษภาคมนี้มีการเลือกตั้งใหญ่ในเอเชียถึงสองประเทศ คือการเลือกตั้งในออสเตรเลียและอินเดีย ซึ่งผลก็ออกมาแล้วว่า ทั้งสองประเทศได้ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีคนเดิมเข้ามาทำงานอีกสมัย โดยออสเตรเลียได้เลือกนายสก็อต มอร์ริสัน ส่วนอินเดีย เทคะแนนให้นายนเรนดรา โมดี อย่างท่วมท้น

จีนได้จับตามองการเลือกตั้งของสองประเทศนี้อยู่ เพราะจีนต้องการให้ออสเตรเลียและอินเดียหนุนหลังนโยบายสำคัญ ๆ ของจีน เช่น เรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ประเด็นหัวเหว่ย ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ หรือโครงการหนึ่งถนนหนึ่งวงแหวน

SEE ALSO: วิเคราะห์: จีนหวัง “โชว์พลังการเมือง” ที่การประชุมโครงการ “หนึ่งถนนหนึ่งวงแหวน”

จีนมองว่า หากจีนได้รับการหนุนหลังจากประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อิทธิพลของจีนในเวทีโลกก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่นักวิเคราะห์กลับมองว่า ออสเตรเลียและอินเดียไม่น่าจะสนับสนุนจีนในเรื่องที่จีนให้ความสำคัญเหล่านั้น ถึงแม้อาจจะมีข้อยกเว้นในบางเรื่อง

ในฝั่งออสเตรเลียนั้น ถือได้ว่า ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีนไม่ราบรื่นนัก

เมื่อไม่นานมานี้ สื่อของรัฐบาลจีนแสดงความไม่พอใจที่นายมอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้พูดว่า จีนนั้นเป็น “ลูกค้า” ส่วนสหรัฐฯ นั้น เป็น “มิตร” ของออสเตรเลีย โดยเขาได้กล่าวระหว่างการหาเสียงว่า “จีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญมาก ๆ ต่ออนาคตของออสเตรเลีย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีน นั้น แตกต่างจากความสัมพันธ์ที่ออสเตรเลียมีกับสหรัฐฯ”

นายริชาร์ด แมคโกรเกอร์ นักวิชาการอาวุโสประจำสถาบัน Lowy Institute ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย มองว่า จีนไม่ควรจะเอาคำพูดของนายมอร์ริสันมาตีความเกินไป เพราะนายมอร์ริสันน่าจะใช้คำผิดมากกว่าที่จะหมายความตามนั้น และเขาก็ไม่คิดว่านายกฯ ของออสเตรเลียผู้นี้ จะพูดพาดพิงจีนในลักษณะนั้นอีก

นักวิเคราะห์มองว่า ออสเตรเลียจะยังคงสนับสนุนสหรัฐฯ ต่อไป ด้วยเหตุผลภายในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการต่อต้านจีน ที่เดินหน้าขยายฐานและกองกำลังทหารในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าหลักของออสเตรเลียเช่นกัน

SEE ALSO: ออสเตรเลียสั่งสกัด 2 โทรคมนาคมจีน ระงับบริการเครือข่าย 5G

ออสเตรเลียยังเป็นประเทศแรกที่่ปิดประตูแบนเทคโนโลยี 5จี ของหัวเหว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าคงเป็นเรื่องยาก ที่ออสเตรเลียจะเปลี่ยนใจ

จีนอาจจะมีความหวังมากกว่ากับอินเดีย

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้ส่งสาสน์แสดงความยินดีกับ นายนเรนดรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ในโอกาสที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง โดยนาย สี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้นายโมดี มาร่วมกับจีนในการส่งเสริมการกระจายอำนาจ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความหลากหลายในสังคม

นักวิเคราะห์มองว่า นี่เป็นการส่งสัญญาณจาก นาย สี จิ้นผิง ให้อินเดียมาร่วมต่อต้านอิทธิพลของสหรัฐฯ

ในปีนี้ ผู้นำของจีนและอินเดียยังมีแผนที่จะพบปะกันมากขึ้นอีกด้วย

นายโมดีได้เชิญให้ นายสี จิ้นผิงมาเยือนเมืองพาราณสี ทางตอนเหนือของอินเดีย เพื่อพบปะหารือกันอย่างไม่เป็นทางการในเดือนกันยายน ทั้งสอง ได้พบปะกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกที่เมือง อู ฮั่น ประเทศจีน เมื่อปีก่อน

ในขณะที่หลายประเทศต่อต้านหัวเหว่ย อินเดียเลือกที่เปิดประตูให้หัวเหว่ยเข้าไปทดลองเครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงระบบ 5G ในประเทศ

แต่ขณะเดียวกัน อินเดียอาจจะไม่สามารถสนับสนุนจีนได้ทุกเรื่อง

SEE ALSO: วิเคราะห์: เมื่อ 'อินเดีย' จับมือ 'เวียดนาม' คานอำนาจจีนในทะเลจีนใต้

โครงการหนึ่งถนนหนึ่งวงแหวนของจีน ก็เป็นโครงการหนึ่งที่นายโมดีต้องระมัดระวัง เพราะเป็นโครงการที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของอินเดีย โดยคนอินเดียนั้น มองว่าจีนคือพี่ใหญ่ที่คอยปกป้องปากีสถาน เพื่อนบ้านและคู่ปรับสำคัญของอินเดีย ในระหว่างการหาเสียง นายโมดี ก็มักจะอ้างว่าผู้ก่อการร้ายจากปากีสถานเป็นคนสร้างความวุ่นวายในอินเดีย

จีนนั้น ต้องการระดมเสียงสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ เพื่อต่อต้านท่าทีที่แข็งกร้าวของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเรื่องนโยบายการค้า ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่ออินเดียและหลายประเทศทั่วโลก

นักวิเคราะห์มองว่าที่ผ่านมา “อินเดียมักจะเลือกวางตัวเป็นกลาง โดยไม่เข้าข้างจีนหรือสหรัฐฯ”

ผู้นำจีนอย่างนายสี จิ้นผิง จะโน้มน้าวให้นายโมดี สนับสนุนจีนได้หรือไม่นั้น ยังเป็นคำถาม ที่ทุกคนต้องจับตามอง