Your browser doesn’t support HTML5
งานเทศกาลกินเนื้อสุนัขประจำปีที่เมือง Yulin จัดขึ้นทุกปีมานานหกปีแล้ว เมืองนี้ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
บรรดากุ๊กนำเนื้อสุนัขไปปรุงเป็นอาหารเสริฟพร้อมกับไวน์ลิ้นจี่ให้กับผู้เข้าร่วมงาน เนื้อสุนัขเป็นอาหารที่ชาวจีนรับประทานกันทั่วประเทศ แต่ร้านอาหารที่เสริฟเนื้อสุนัขหลายแห่งต่างถูกสั่งปิดกิจการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากคนต่อต้านการรับประทานเนื้อสุนัขกันมากขึ้นโดยเฉพาะชาวจีนชนชั้นกลางรุ่นใหม่
คุณ Jill Robinson เป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Animals Asia Foundation กล่าวว่ามีการค้าขายเนื้อสุนัขและเนื้อแมวเมื่อมานานแล้วแต่ในอดีต ไม่มีคนลุกขึ้นมาต่อต้านเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันมีกลุ่มพิทักษ์สัตว์เกิดขึ้นในจีนถึง 150 กลุ่ม คนเหล่านี้นอกจากจะออกไปช่วยชีวิตสุนัขหรือแมวจากการถูกเชือดเท่านั้น แต่พวกเขายังพยายามเข้าใจประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมขายเนื้อสุนัขและเนื้อแมว
จีนมีประชากรสุนัขราว 130 ล้านตัว เกือบ 30 ล้านตัวเป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้านเนื่องจากการขยายตัวของเขตเมืองและชาวจีนมีฐานะดีขึ้น ทำให้มีรายได้เพียงพอในการมีสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ ชาวจีนรุ่นใหม่ตระหนักในประเด็นสิทธิสัตว์กันมากขึ้นกว่าในอดีต
คุณ Hu Jia นักรณรงค์ด้านสิทธิสัตว์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในจีน กล่าวว่าการชักจูงให้คนที่เลิกกินเนื้อสุนัข ยากพอๆ กับการรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่ แม้ว่าจะเป็นงานที่ยากแต่คนจีนรุ่นใหม่มีความตระหนักถึงปัญหานี้มากขึ้นทำให้มีแรงกดดันทางสังคมเพิ่มมากขึ้น
คุณ Hu กล่าวว่าชาวจีนเริ่มต่อต้านธรรมเนียมการกินเนื้อสุนัขมากขึ้นในปัจจุบัน เขาชี้ว่ามีการเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์เพิ่มขึ้นในจีน และกล่าวว่าเทศกาลกินเนื้อสุนัข Yulin และเทศกาลทำนองเดียวกันนี้จะค่อยๆ หายไปในที่สุดเพราะแรงกดดันทางสังคม
จีนมีความคืบหน้าในเรื่องการพิทักษิ์สิทธิสัตว์ให้เห็นกันมากขึ้น ทางการในกวางโจวเพิ่งสั่งปิดร้านอาหารเนื้อสุนัขแห่งหนึ่งซึ่งดำเนินกิจการมานาน 51 ปี ในกรุงปักกิ่ง ไม่มีร้านอาหารที่เสริฟเนื้อสุนัขหลงเหลืออีกแล้ว เพราะทางการทำการกวาดล้างในช่วงก่อนหน้าการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2008 และเมื่อสี่ปีที่แล้ว ทางการในเมือง Jinghua สั่งห้ามการจัดงานเทศกาลกินเนื้อสุนัขประจำเมืองเป็นการถาวร
คุณ William Nee แห่ง Amnesty International ชี้ว่าในขณะที่นักรณรงค์สิทธิสัตว์มีจำนวนเพิ่มขึ้นในประเทศจีน นักกิจกรรมเหล่านี้ยังประสบกับการเอาโทษจากทางรัฐบาลจีน
เจ้าหน้าที่ Amnesty International กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่ามีคนจีนออกไปประท้วงต่อต้านการเชือดและกินเนื้อสุนัขกันบ่อยมากขึ้น มีการรณรงค์ในระดับท้องถิ่นมากขึ้นซึ่งแสดงว่าจีนกำลังเปลี่ยนโฉมหน้า
ชาวจีนยอมเสี่ยงต่อการถูกจับกุมและออกมาประท้วงต่อต้านเรื่องนี้กันมากขึ้น แต่แน่นอนว่ามีข้อจำกัด เพราะทางการจีนต้องการปรามปรามการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนใดๆ ที่เห็นว่าสร้างความวุ่นวาย