สื่อสหรัฐฯสองแห่งคือ The Washington Post และ The New York Times รายงานว่าทางการอเมริกันน่าจะมีการประกาศต่อประชาชนว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตาสามารถ "เเพร่ได้ง่ายพอๆกับโรคอีสุกอีใส" จากผู้ที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 เเล้วไปสู่ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
ก่อนหน้านี้ข้อมูลดังกล่าวถูกเผยเเพร่เฉพาะเป็นการภายใน โดยศูนย์ควบคุมเเละป้องกันโรคสหรัฐฯหรือ CDC ในการวางแผนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัส ด้วยการฉีดวัคซีน
ขณะนี้โคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตากำลังระบาดในอเมริกา และประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ทำเนียบขาว ให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางของอเมริกา ซึ่งมีทั้งหมดกว่า 4 ล้านคนต้องได้รับวัคซีน หรือไม่เช่นนั้นต้องทำตามกฎสวมหน้ากาก และตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างสมำ่เสมอ
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวอีกด้วยว่า โดยทั่วไปแล้วเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่างพื้นที่
กฎเกณฑ์เหล่านี้ยังจะถูกใช้กับผู้ทำงานให้รัฐภายใต้สัญญาจ้าง (federal contractor) อีกด้วย
ในส่วนอื่นๆของโลก ฟิลิปปินส์ประกาศมาตรการล็อคดาวน์ในกรุงมะนิลาที่มีประชากร 13 ล้านคนเพื่อควบคุมการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยจะมีผลตั้งเเต่วันที่ 6 ถึง 20 ส.ค.
ที่ญี่ปุ่น ทางการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับเขตไซตามะ ชิบะ คานากาวะ และโอซากา ซึ่งติดกับกรุงโตเกียวตั้งเเต่ 2 ถึง 31 ส.ค. ตามรายงานของสื่ออาซาฮีชิมบุน
จังหวัดทั้ง 4 แห่ง ของญี่ปุ่นที่กล่าวมาเพิ่มเติมจากกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่จัดโอลิมปิก ขณะนี้และโอกินาวา ที่ใช้กฎตามมาตรการสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่เเล้ว ณ เวลานี้
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน จะไม่มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และร้องคาราโอเกะ ณ สถานที่ประกอบธุรกิจ
นอกจากนี้ยังจะมีการยกระดับการระวังภัยจากโควิดสู่ขั้นก่อนที่จะถึงสถานการณ์ฉุกเฉิน (pre-emergency measures) ใน เกียวโต ฮอกไกโด ฟุกุโอกะและเฮียวโกะ ด้วย
อาซาฮีชิมบุนรายงานเย็นวันพฤหัสบดีว่า ญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 10,000 รายต่อวันเป็นครั้งเเรก และมี 24 รายที่เกี่ยวข้องกับกีฬาโอลิมปิกซึ่งถูกตรวจพบเชื้อโคโรนาไวรัส สามคนในจำนวนดังกล่าวเป็นนักกีฬา