'รัฐบาลกัมพูชา' เริ่มใช้แนวทางของ ‘รัฐบาลทรัมป์’ เป็นแบบอย่างคุกคามสื่อมวลชน!

Cambodia Politics

Your browser doesn’t support HTML5

Cambodia Trump Media

โฆษกกัมพูชาเริ่มใช้แนวทางแบบเดียวกับรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ จัดการกับสื่อมวลชนต่างๆ หลายสำนัก โดยเฉพาะสื่อมวลชนต่างประเทศ ขณะที่องค์กรด้านเสรีภาพสื่อมวลชนระหว่างประเทศระบุว่า เป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลวของการรักษามาตรฐานความมีเสรีภาพสื่อในสหรัฐฯ

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มักจะเรียกสื่อหรือนักข่าวที่รายงานข่าวไม่ถูกใจตัวเองว่า Fake News หรือ ข่าวปลอม และเรียกสื่อมวลชนเหล่านั้นว่า ‘เป็นศัตรูของประชาชน’ ทั้งในทวิตเตอร์ส่วนตัว และในการให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวอยู่บ่อยครั้ง

President Donald Trump gives thumbs up as he arrives to speak at the Conservative Political Action Conference, Feb. 24, 2017, in Oxon Hill, Maryland.

และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวยังห้ามผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวหลายสำนัก รวมไปถึง CNN และ New York Times ไม่ให้เข้าร่วมการแถลงข่าวของโฆษกทำเนียบขาว จนกลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในบทบัญญัติที่รับรองในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ

Reporters line up in hopes of attending a briefing in Press Secretary Sean Spicer's office at the White House in Washington, Feb. 24, 2017. White House held an off camera briefing in Spicer's office, where they selected who could attend.

แต่แนวทางดังกล่าว กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้รัฐบาลกัมพูชาหันมาทำเป็นแบบอย่างบ้าง

นายไพ สิพาน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า รัฐบาลกัมพูชาจะต้องออกมาจัดการกับสื่อบางสำนักที่คุกคามความสงบและมั่นคงของประเทศ

โดยอ้างถึงแนวทางของทำเนียบขาวที่เริ่มมาตรการจัดการกับสื่อ ซึ่งได้ส่งสารที่ชัดเจนว่า "การรายงานของข่าวบางสำนักไม่ได้สะท้อนหรือรายงานข่าวตามความเป็นจริง"

นอกจากนี้ยังอ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุว่า "ไม่เชื่อว่าสื่อมวลชนจะรายงานข่าวตามความเป็นจริง" ทั้งๆ ที่เป็นความรับผิดชอบในความเป็นมืออาชีพของนักข่าว

โฆษกรัฐบาลกัมพูช​ายังระบุรายชื่อสำนักข่าวที่ตกเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลกัมพูชาจะจัดการ คือ สำนักข่าวว้อยส์ ออฟ อเมริกา (VOA) และ เรดิโอ ฟรี เอเชีย (RFA) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของสหรัฐฯ รวมไปถึงสำนักข่าวเสียงประชาธิปไตย หรือ Voice of Democracy และสถานีวิทยุขององค์กรเอกชนในกัมพูชา

ที่ผ่านมา แม้รัฐธรรมนูญของกัมพูชาจะให้การรับรองการมีเสรีภาพของสื่อ แต่สื่อส่วนใหญ่ในกัมพูชาต่างอยู่ในการควบคุมและจับตาโดยรัฐบาลภายใต้อำนาจของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ ระบุว่า โฆษกรัฐบาลกัมพูชาได้กล่าวเตือนไปถึงสื่อกัมพูชาที่ทำงานเป็น ‘สายลับต่างประเทศ’ ว่าให้ไปทบทวนตัวเอง ก่อนที่รัฐบาลจะดำเนินมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง

ด้านนาย Jing Zhang รักษาการณ์ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ของว้อยส์ ออฟ อเมริกา บอกว่า "วีโอเอเป็นองค์กรที่มุ่งรายงานข่าวสารที่เป็นกลาง เป็นธรรม และรอบด้าน ขณะที่ผู้ชมผู้ฟังของวีโอเอที่อยู่ในกัมพูชานับล้านๆ คน ต่างทราบดีถึงจริยธรรมในการทำหน้าที่สื่อของวีโอเอ"

Ms Chea Vannath, independent analyst, and Phay Siphan, government spokesman in Hello VOA Talk Show, 130812.

นาย Tom Malinowski อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายการส่งเสริมประชาธิปไตยและการใช้แรงงาน ให้สัมภาษณ์ว่า "ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำงานเป็นผู้สื่อข่าวในประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการเช่นกัมพูชา ในเมื่อสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตยกลับทำเป็นแบบอย่างเสียเอง"

และว่า "ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ขณะนี้นักเผด็จการจากทั่วโลกซึ่งปกติมักจ้องเล่นงานหรือจัดการกับสื่อ จะพูดได้ว่า ในเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ สามารถทำได้ พวกเขาก็ทำได้เช่นกัน"

รายงานจากคณะกรรมการปกป้องสื่อระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน เตือนว่า ในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น น่าจะเรียกได้ว่าเป็นยุคของการคุกคามสื่อที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

และการที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศต้นแบบประชาธิปไตย ล้มเหลวในการรักษามาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ ก็เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้นักเผด็จการทั้งหลาย หันมาใช้อำนาจที่เข้มงวดเพื่อควบคุมสื่อในประเทศต่างๆ มากขึ้น