Your browser doesn’t support HTML5
รัฐบาลกัมพูชาแสดงท่าทีเมินเฉย และเเถลงตอบโต้ต่อมาตรการลงโทษ หลังสหรัฐฯประกาศขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชา 2 ราย โดยสหรัฐฯ ระบุว่าพวกเขายักยอกเงินจากโครงการต่อเติม “ฐานทัพเรือเรียม” เมืองสีหนุวิลล์
ฐานทัพเรือข้างต้นที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางการเเข่งขันเชิงอำนาจของอเมริกาเเละจีน
ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อไม่นานนี้ ทางการจีนเข้ามาช่วยรัฐบาลกัมพูชาทำการก่อสร้างต่อเติมสถานที่ดังกล่าวจนทำให้สหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาเปิดเผยว่าจีนมีส่วนร่วมต่อกิจการทหารของกัมพูชาอย่างไรบ้าง
กระทรวงกลาโหมของกัมพูชาต่อว่ามาตรการลงโทษของสหรัฐฯ ผ่านคำแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “เป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งเหตุผลและเป็นท่าทีที่แข็งกร้าว" พร้อมกล่าวหาสหรัฐฯว่าพยายามที่จะสร้างความแตกแยกและทำลายความสุขของชาวกัมพูชา
ทางการกัมพูชายังได้กล่าวต่ออีกด้วยว่า สหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงการมีส่วมรวมของจีนในพื้นที่ดังกล่าว เพราะการต่อเติมครั้งนี้จะไม่สร้างความเสี่ยงหรืออันตรายให้แก่ประเทศใด
นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมของกัมพูชายังกล่าวในคำแถลงการณ์ด้วยว่า “กัมพูชาเคารพอาณาเขตและอำนาจอธิปไตยของประเทศต่างๆซึ่งก็ต่างจากสหรัฐฯที่พยายามจะแทรกแซงกัมพูชาเพื่อให้ตนเองมีอำนาจในภูมิภาคมากขึ้น”
ส่วนทางด้านสถานทูตจีนในกรุงวอชิงตันได้ประกาศผ่านคำแถลงการณ์ว่า “ทางการจีนไม่สนับสนุนมาตรการลงโทษที่แสดงอำนาจเกินขอบเขตของสหรัฐฯ และประเทศจีนยังต่อต้านการเข้าไปแทรกแซงเรื่องการเมืองภายในประเทศของชาติอื่นๆ อีกด้วย “
รัฐบาลจีนกล่าวว่าการร่วมมือระหว่างจีนกับกัมพูชานั้นเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและยังสร้างความสงบสุขและความมั่นคงภายในภูมิภาค ดังนั้น ทางการจีนจะไม่ยอมให้มีการแทรกแซงจากประเทศใด
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังและกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯได้ออกมาตรการลงโทษและขึ้นบัญชีดำ พลเอก เชา พิรุน อธิบดีกรมวัสดุและบริการเทคโนโลยี แห่งกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา และ พลเรือเอก เตีย วิน ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ซึ่งเป็นพี่น้องกันกับพลเอกเตีย บัน รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา
สหรัฐฯกล่าวหาว่า พลเอก เชา พิรุน และ พลเรือเอก เตีย วิน มีเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการต่อเติมฐานทัพเรือเรียมเมืองสีหนุวิลล์ การขึ้นบัญชีดำข้างต้นจะมีผลทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้ง 2 คนและญาติของพวกเขาไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ จะมีการห้ามเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของพวกเขามีในสหรัฐฯ อีกด้วย
โฆษกประจำสถานฑูตสหรัฐฯในกรุงพนมเปญ นาย แชด โรเดมเมียร์ กล่าวผ่านอีเมล์กับวีโอเอเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนว่า ”เจ้าหน้าของสหรัฐฯได้แจ้งถึงปัญหาข้างต้นกับผู้นำของกัมพูชาบ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนใดๆ ขึ้น"
ทางวีโอเอ ภาคภาษาเขมรได้พยายามโทรติดต่อไปยังโทรศัพท์ของ พลเอก เชา พิรุน และ พลเรือเอก เตีย วิน เพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องดัวกล่าว แต่ไม่รับการตอบรับกลับ
ขณะที่ ชิน มาลิน โฆษกกระทรวงยุติธรรมของกัมพูชาตอบโต้ว่าสหรัฐฯ “เคลื่อนไหวที่ไม่คำนึงถึงกฎใดๆ” ซึ่งถือว่าขัดต่อหลักเกณฑ์ของกฎหมายโลก เขายังกล่าวด้วยว่า ทั้งสหรัฐฯและจีนต่างเป็นมหาอำนาจที่มีความผิดพอๆกัน ในการสร้างความไม่มั่นคงต่อการเมืองโลก
SEE ALSO: รมว.ต่างประเทศจีนเยือนกัมพูชา หารือการค้า-โควิดส่วนโฆษกของพรรครัฐบาลกัมพูชา ซก ไอยสาน เชื่อว่า การลงโทษของสหรัฐฯจะไม่มีผลใดใดต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา เนื่องจากพวกเขานั้นไม่ได้แผนที่จะเดินทางไปสหรัฐฯอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม โชฟาล เอียร์ นักวิเคราะห์การเมืองกัมพูชาและรองคณะบดีโครงการศึกษาระดับปริญญาตรีของ Arizona State University บอกวีโอเอว่า มาตรการลงโทษจากสหรัฐฯนั้นมีความสำคัญเพราะอาจชี้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อในอนาคต
เขากล่าวว่า รายชื่อบุคคลที่สหรัฐฯจะดำเนินการทางใดทางหนึ่งต่อจากนี้อาจมีเป็นร้อยๆคน และ “การมีชื่อบุคคลสองรายนี้เพิ่มขึ้นมาถือว่าสำคัญในเชิงสัญลักษณ์” ว่าประเด็นเกี่ยวกับกัมพูชามิได้ถูกมองข้าม