รัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้มีการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ให้อาสาสมัครต้องสัมผัสกับเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่เป็นครั้งแรกในโลก
โครงการทดลอง “ความท้าทายของมนุษย์” นี้ กำหนดให้อาสาสมัครอายุ 18-30 ปี จำนวนไม่เกิน 90 คน สัมผัสกับไวรัสภายใต้สภาพแวดล้อมที่ “ปลอดภัยและมีการควบคุม” เพื่อให้นักวิจัยศึกษาว่าไวรัสระบาดและส่งผลกระทบต่อผู้คนอย่างไร โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อพัฒนาวัคซีนและการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิผลมากขึ้น
การทดลองนี้จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้าที่โรงพยาบาล Royal Free Hospital ในกรุงลอนดอน
แอฟริกาใต้เริ่มฉีดวัคซีน “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน”
ทางด้านแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา เริ่มฉีดวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) พร้อมกับบุคลากรด้านสาธารณสุข โดยวัคซีนสูตรดังกล่าวราว 80,000 โดส ถูกขนส่งมายังนครโจฮันเนสเบิร์กเมื่อวันอังคาร และคาดว่าวัคซีนราว 500,000 โดสจะถูกส่งมายังแอฟริกาใต้ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ แอฟริกาใต้สั่งซื้อวัคซีนจากแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด 1 ล้านโดส แต่กลับยกเลิกแผนการใช้วัคซีนสูตรดังกล่าว หลังมีผลการศึกษาว่าวัคซีนนี้มีประสิทธิผลต่อเชื้อโคโรนาไวรัสที่กลายพันธุ์ในประเทศ
ซเวลี เอ็มคิเซ รัฐมนตรีสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ กล่าวในที่ประชุมสภาเมื่อวันพุธว่า แอฟริกาใต้จะแบ่งปันวัคซีนสูตรนี้กับสหภาพแอฟริกาเพื่อแจกจ่ายไปทั่วทวีปแอฟริกา
ทั้งนี้ ยังไม่มีประเทศใดที่อนุมัติวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่ทางบริษัทระบุว่า ผลการทดลงอขั้นสุดท้ายแสดงให้เห็นว่า วัคซีนสูตรนี้มีประสิทธิผลอยู่ที่ 85 เปอร์เซ็นต์ในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 และมีประสิทธิผลต่อไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ด้วย
นอกจากนี้ แอฟริกาใต้ยังได้สั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคอีก 20 ล้านโดสเช่นกัน