โค้งสุดท้าย "Brexit" กับแนวโน้มหลังเหตุฆาตกรรม สส.หญิง โจ ค็อกซ์

Staff from Britain's opposition Labour Party stand together before placing floral tributes for their colleague Jo Cox, the 41-year-old British Member of Parliament shot to death yesterday in northern England, on Parliament Square outside the House of Parl

ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายที่ต้องการให้อังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปกำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรม สส.หญิง Jo Cox ผู้สนับสนุนให้อังกฤษอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป

Your browser doesn’t support HTML5

Brexit

เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ผลสำรวจความเห็นประชาชนอังกฤษซึ่งจัดทำโดยบริษัท ComRes แสดงเห็นว่า ฝ่ายที่ต้องการให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit กำลังได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบมีคะแนนนิยมสูสีกับฝ่ายที่ต้องการให้อังกฤษอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป คือห่างกันแค่ 1%

แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ดูเหมือนฝ่ายที่ต้องการให้อังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปกำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากเหตุการณ์ฆาตกรรม สส.หญิง Jo Cox ผู้สนับสนุนให้อังกฤษอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป โดยผู้ต้องสงสัยคือ นาย Thomas Mair นั้น ถูกระบุว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มประชากรผิวขาวแนวคิดสุดโต่ง ผู้สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกมาจาก EU

An image and floral tributes for Jo Cox, the 41-year-old British Member of Parliament shot to death yesterday in northern England, lie placed on Parliament Square outside the House of Parliament in London, June 17, 2016.

คุณ Andrew Hawkins จากบริษัทสำรวจ ComRes ในกรุงลอนดอน ชี้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว กระตุ้นให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงซึ่งยังโลเลหรือยังไม่ตัดสินใจเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เริ่มตัดสินใจได้ ส่งผลให้ตัวเลขผู้สนับสนุนให้อังกฤษอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป เพิ่มขึ้นมากในกลุ่มคนเหล่านี้

คุณ Hawkins เชื่อว่าคนจำนวนมากต้องการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแปรเปลี่ยนไปเป็นกระแสการสนับสนุนในสิ่งที่ สส. Jo Cox เชื่อ นั่นคืออังกฤษควรอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป

นาย Thomas Mair ปรากฏตัวต่อศาลเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาปฏิเสธที่จะกล่าวชื่อจริงของตน แต่เรียกชื่อตนเองว่า “เป็นผู้นำความตายสู่คนทรยศ และนำเสรีภาพสู่อังกฤษ” โดยนาย Mair มีประวัติด้านอาการป่วยทางจิตมาก่อนด้วย

ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้าน Brexit หยุดการรณรงค์เป็นเวลา 3 วันหลังเหตุการณ์ฆาตกรรม สส. Jo Cox และกลับมาหาเสียงใหม่ในวันอาทิตย์ด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่ดุเดือดน้อยลง

ประเด็นเรื่องผู้อพยพและผู้ลี้ภัยยังคงเป็นประเด็นใหญ่ต่อการตัดสินใจของประชาชนเกี่ยวกับอนาคตของอังกฤษ โดยผู้ที่อยากให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปรู้สึกไม่พอใจที่มีคนต่างชาติจำนวนมากเข้ามาอาศัยอยู่ในอังกฤษ ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ความไม่พอใจดังกล่าวยิ่งลุกลามขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ผู้อพยพทั่วยุโรปเมื่อปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้

Pro-refugee activists rally with placards outside the French Embassy in central London after an aid convoy headed to northern France was turned back at the port of Dover, June 18, 2016.

กลุ่มที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัว ส่วนใหญ่ประกอบด้วยประชากรอายุมากกว่า ซึ่งกังวลต่อขอบเขตอำนาจและการทำงานของสหภาพยุโรป รวมทั้งกลุ่มชนชั้นแรงงานที่มองว่า ผู้อพยพหรือแรงงานจากประเทศอื่นในสหภาพยุโรป เช่น โปแลนด์ ทยอยเข้ามาแย่งงานพวกตน

ความกังวลดังกล่าวยิ่งถูกขับเน้นโดยกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านผู้อพยพ ซึ่งนำโดย นาย Nigel Farage นักการเมืองแนวทางขวาจัด และกลุ่มสนับสนุน Brexit ซึ่งได้เผยแพร่โปสเตอร์ภาพผู้อพยพตามแนวพรมแดนยุโรปพร้อมข้อความว่า “จุดแตกหัก” ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ สส. Jo Cox ถูกสังหาร

บรรดานักวิจารณ์ต่างออกมาประณามโปสเตอร์ดังกล่าวว่า เป็นการโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะต่อต้านคนต่างเชื้อชาติ เหมือนกับกองทัพนาซีเยอรมันเคยใช้ต่อต้านชาวยิวเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ขณะที่นักการเมืองแนวอนุรักษ์นิยมบางคน เช่น คุณ Sayeeda Warsi อดีตหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษ ระบุว่าโปสเตอร์ที่ว่านั้นได้ทำให้เธอเปลี่ยนแนวคิด หันมาสนับสนุนให้อังกฤษอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป ซึ่งเป็นความเห็นในทำนองเดียวกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหลายคน ในการสำรวจของ ComRes ครั้งล่าสุด

FILE - Former chair of Britain's Conservative party Sayeeda Warsi accuses EU opponents of 'hate and xenophobia'.

การลงประชามติว่าอังกฤษจะอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่ จะมีขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายนนี้

(ผู้สื่อข่าว Luis Ramirez รายงานจากกรุงลอนดอน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงเสนอ)