วันนี้จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์โลก ที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ หลังกระบวนการเบร็กซิตยืดเยื้อมานานเกือบ 4 ปี
กระบวนการเบร็กซิต ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบ 4 ปี ผ่านศึกเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักรมา 2 ครั้ง และมีนายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่งไป 2 คน กว่าทิศทางการเมืองอังกฤษจะเข้ารูปเข้ารอบพร้อมรับการสิ้นสุดการเป็นสมาชิกภาพกับสหภาพยุโรปที่ดำเนินมากว่า 47 ปีได้ โดยก่อนหน้านี้เส้นตายแรกของเบร็กซิต คือ 29 มีนาคมปีก่อน และเลื่อนมาหลายครั้งจนสิ้นสุดที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา
บรรยากาศในค่ำคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ผู้สนับสนุนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป หรือ Brexiter ไปรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภา และเฉลิมฉลองวันแห่งประวัติศาสตร์ที่อังกฤษจะเป็นอิสระจากอียูเสียที และเหล่า Brexiter ในพื้นที่อื่นๆของอังกฤษ มีการเดินขบวน เฉลิมฉลอง อีกด้านหนึ่งกลุ่มที่คัดค้านเบร็กซิต หรือ Remainer เตรียมประท้วงที่ถนนดาวนิ่งสตรีทในช่วงเวลาเดียวกัน รวมทั้งมีการจุดเทียนอำลาสหภาพยุโรปจากกลุ่มที่สนับสนุนการรวมกลุ่มกับอียูต่อไป
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน แถลงการณ์หลังเข้าสู่วันใหม่ที่อังกฤษพ้นจากการเป็นสมาชิกของอียู ที่เรียกว่าเป็นรุ่งอรุณใหม่ของอังกฤษ เป็นการเปิดฉากหน้าใหม่ของประเทศ และเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่ที่แท้จริงของอังกฤษ โดยยืนยันว่านี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของสหราชอาณาจักร
ผู้นำอังกฤษ ยังทวีตให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะสร้างความเป็นปึกแผ่นและยกระดับประเทศขึ้นไปอีกขั้น หลังจากที่อังกฤษสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่กับอียู
ด้านนายไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรคเบร็กซิต บอกว่า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ที่อังกฤษเป็นอิสรภาพ และเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของผู้คนที่ออกมาต่อต้านสถาบันการเมืองแบบเดิมๆ ส่วนนายเจเรมี คอร์บีน หัวหน้าพรรคแรงงานซึ่งเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน บอกว่า อังกฤษควรจะ “move on” ก้าวต่อไปหลังการแยกตัวจากอียู
ขณะที่นางนิโคลา สเตอร์เจียน หัวหน้าพรรค Scottish Nationalist Party บอกว่า เบร็กซิตจะเป็นจุดเริ่มต้นให้สหราชอาณาจักรแตกเป็นเสี่ยงๆ และเรียกร้องให้มีการลงประชามติให้สกอตแลนด์แยกตัวจากสหราชอาณาจักรอีกครั้ง
ส่วนบรรยากาศที่กรุงบรัสเซลส์ แห่งเบลเยียม มีการปลดธงชาติอังกฤษออกไปจากกลุ่มสหภาพยุโรป และแทนที่ด้วยธงของสหภาพยุโรปแทน
ด้านนายเอมมานูเอล มาคร็อง แห่งฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ในประเทศว่า เบร็กซิตถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ดังก้องไปทั่วสหภาพยุโรป เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีที่มีประเทศขอสิ้นสุดการเป็นสมาชิกภาพกับอียู
อังกฤษเริ่มต้นแนวทางการแยกตัวจากสหภาพยุโรป ตั้งแต่ยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ในปี ค.ศ. 2013 ซึ่งนายคาเมรอนเริ่มต้นการลงประชามติ นายคาเมรอน ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์หลังจากเบร็กซิตได้มาถึงจริงๆ ในอีก 7 ปีต่อมาว่า ตนไม่เคยเสียใจที่เริ่มต้นทำประชามติเบร็กซิต และเชื่อว่าอังกฤษจะประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือกไว้
แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนของเบร็กซิต หลังผ่านพ้น 31 มกราคม เพราะยังถือเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ซึ่งอียูยังมีบทบาทสำคัญในอังกฤษอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางเคลื่อนย้ายของพลเมืองในอียู แต่จะเริ่มเห็นความชัดเจนหลังจากวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ที่ผู้นำอังกฤษจะบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีฉบับถาวรกับสหภาพยุโรป นอกจากนี้อังกฤษจะต้องหารือในประเด็นความมั่นคงและด้านข่าวกรองกัยทางอียูอีกครั้ง โดยมีอนาคตของพลเมืองในประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป 3 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร และพลเมืองอังกฤษที่พำนักอยู่ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปราว 1.5 ล้านคนเป็นเดิมพัน