สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนกในสหรัฐฯ และฝรั่งเศสกำลังส่งผลให้อุปทานไข่ทั่วโลกหดตัวขณะที่ราคาไข่พุ่ง ในช่วงที่คลังอาหารโลกขาดเสถียรภาพเนื่องจากภาวะสงครามในยูเครนที่กระทบการขนส่งต่างๆ ไปยังยุโรปและตะวันออกกลาง ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ราคาไข่ที่ปรับเพิ่มขึ้นสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคที่พึ่งพาไข่ในฐานะแหล่งโปรตีนราคาไม่แพง ที่ใช้ทดแทนเนื้อสัตว์ราคาแพงได้ โดยความต้องการไข่นั้นกำลังพุ่งสูงเพราะเทศกาลอีสเตอร์และช่วงวันหยุดเทศกาลปัสกา (Passover) ในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งเป็นช่วงที่สมาชิกในครอบครัวต้องใช้ไข่ในการทำอาหารและย้อมสีเพื่อใช้ในการฉลองเทศกาลอีสเตอร์
รายงานข่าวระบุว่า การระบาดของไข้หวัดนกทำให้ไก่ไข่ในฟาร์มทั่วสหรัฐฯ ตายไปแล้วกว่า 19 ล้านตัวปีนี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์การระบาดที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 มา เพราะทำให้ประชากรไก่ไข่หายไปถึง 6% ขณะที่ สถานการณ์ในฝรั่งเศสก็เผชิญภาวะการระบาดที่เลวร้ายที่สุดเช่นกัน เพราะไก่ไข่ตายไปแล้วราว 8%
ทั้งนี้ เมื่อมีการพบไวรัสไข้หวัดนกในเล้าหรือฟาร์มเป็ดไก่ขึ้นมา ซึ่งมักเกิดขึ้นเพราะการติดเชื้อจากสัตว์ปีกที่อยู่ในธรรมชาติ ก็ต้องมีการฆ่าล้างฝูงทันที
ผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องคาดว่า ราคาไข่จะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะ และน่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะกลับมาเริ่มเลี้ยงเป็ดไก่ในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับกรณีของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ไข่ต่างๆ เพื่อนำไปใช้สำหรับการผลิตอาหารประเภทอื่นๆ เช่น แป้งผสมสำเร็จสำหรับทำขนมเค้ก และแพนเค้ก และแซนด์วิชไข่ เป็นต้น
หลังการระบาดใหญ่รอบที่แล้วของไข้หวัดนกเมื่อ 7 ปีก่อน สหรัฐฯ ได้สั่งเพิ่มการนำเข้าไข่มาจากประเทศอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน เพื่อหนุนอุปทานในประเทศ แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในครั้งนี้ การนำเข้าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้แล้ว เพราะมีการระบาดในยุโรปเช่นกัน
ในส่วนของผลกระทบจากสงครามในยูเครนนั้น ผู้ซื้อในตะวันออกกลางคือ ผู้ที่เดือดร้อนอีกรายจากภาวะห่วงโซ่อุปทานสะดุด เนื่องจาก กลุ่มประเทศดังกล่าวสั่งซื้อไข่จากยูเครนมากขึ้น เพื่อทดแทนอุปทานจากผู้ผลิตในประเทศยุโรปอื่นๆ
นอกจากนั้น ข้อมูลอย่างเป็นทางการของยูเครนระบุว่า ในปีที่แล้ว ยูเครนผลิตไข่มากถึง 14,100 ล้านฟอง ซึ่งลดลงจากระดับ 16,200 ล้านฟองเมื่อปีก่อนหน้า โดยที่ผ่านมาฝรังเศสก็เป็นผู้สั่งซื้อรายใหญ่ที่สุดจากภายในสหภาพยุโรป
- ที่มา: รอยเตอร์