ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปะทะคารมกันตั้งแต่ช่วงเเรกของการดีเบทในคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการโต้วาทีครั้งแรกปีนี้ของว่าที่ตัวเเทนของพรรคเดโมเเครตและรีพับลิกันในการเลือกตั้งผู้นำประเทศเดือนพฤศจิกายน
โดยรวมทรัมป์มักแสดงความเเข็งกร้าว ส่วนไบเดนมีเสียงแหบพร่าและพูดตะกุกตะกักบางครั้ง แต่ก็มีโอกาสตอบโต้ทรัมป์ได้บ้าง โดยทั้งสองต่างกล่าวว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังพูดโกหก
ผลโพลล์ของซีเอ็นเอ็นหลังดีเบทเสร็จสิ้นลงชี้ให้เห็นว่าทรัมป์ชนะการโต้วาทีครั้งนี้ชัดเจน 67-33% และภายในพรรคเดโมเเครตของไบเดน มีผู้เเสดงความกังวลต่อผลงานโต้วาทีของไบเดน
ทั้งคู่แสดงทัศนะเเย้งกันในเรื่องเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สิทธิการทำแท้ง และการเข้ามาพรมเเดนสหรัฐฯของคนต่างด้าวจากฝั่งเม็กซิโก
ระหว่างการดีเบทครั้งนี้เกิดขึ้นที่สตูดิโอของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่นครแอตเเลนตา รัฐจอร์เจีย ทรัมป์กล่าวว่า "เราเหมือนเป็นประเทศโลกที่สาม และนั่นเป็นเรื่องน่าอาย"
"เราไม่ได้รับการเคารพอีกต่อไป" ทรัมป์กล่าวและโทษไบเดนว่าทำให้สหรัฐฯ ถูกมองว่า "โง่" ในสายตานานาประเทศ
ในช่วงหนึ่งของการขึ้นเวทีครั้งนี้ไบเดนตอบโต้ทรัมป์ว่า ว่าที่ตัวเเทนพรรครีพับลิกันผู้นี้ "คือประธานาธิบดีที่เเย่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน เขาไม่มีความเข้าใจถึงประชาธิปไตยเเบบอเมริกัน"
การขึ้นเวทีโต้อภิปรายครั้งนี้ของทั้งคู่เป็นดีเบทที่เกิดขึ้นก่อนวันเลือก 5 พ.ย. กว่า 4 เดือน ถือว่าล่วงหน้าที่สุดก่อนวันลงคะเเนนเสียงในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นการรีเเมชต์กันของทรัมป์และไบเดน หลังจากที่ทั้งคู่เเข่งกันเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อ 4 ปีก่อน
Your browser doesn’t support HTML5
ในการปะทะคารมกันคืนวันพฤหัสบดี ทรัมป์มักโยงเรื่องผู้อพยพข้ามพรมเเดนบริเวณชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯและเม็กซิโก กับปัญหาต่าง ๆ ในประเทศ เขากล่าวว่าประเด็นผู้อพยพกำลังทำร้ายเศรษฐกิจและการจ้างงานของชาวอเมริกัน
"เรากำลังอยู่ในรังหนู...พวกเขา (ผู้อพยพ) สังหารประชาชนของเราในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน" ทรัมป์อ้าง
ในความเป็นจริงเเม้ว่ามีบางกรณีที่เป็นข่าวซึ่งผู้อพยพถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรแต่ไม่มีหลักฐานที่ชี้ว่าคนกลุ่มนี้ก่ออาชญากรรมมากกว่าคนอเมริกันที่เกิดในสหรัฐฯ
ไบเดนตอบโต้ว่าทรัมป์ "พูดเกินความจริง เขาโกหก" และผู้นำสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่ามีผู้อพยพข้ามชายเเดนมาสหรัฐฯ ลดลง 40% หลังจากที่เขาใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นไม่นานนี้
ในเรื่องการต่างประเทศ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ อ้างว่า ถ้าเขาชนะเลือกตั้งปีนี้ เขาสามารถมองได้ว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะจบลงก่อนเขาปฏิญาณตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปีหน้า แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะทำให้สงครามจบลงอย่างไร
ทรัมป์บอกด้วยว่าเขาจะสามารถทำให้ ผู้สื่อข่าว อีวาน เกิร์ชโควิช ของสื่ออเมริกันเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ได้รับอิสระจากคุกในรัสเซีย ก่อนที่ตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ถ้าชนะเลือกตั้ง
SEE ALSO: รัสเซียเริ่มการดำเนินคดีแบบปิดต่อนักข่าวอเมริกัน 'เกิร์ชโควิช'ไบเดนตอบโต้ว่า ประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิเมียร์ ปูตินเป็น "อาชญากรสงคราม" เเละถามทรัมป์ว่า ถ้าปูตินยึดยูเครนได้ "คุณคิดว่าเขาจะหยุดที่ยูเครนหรือ?"
ไบเดนเรียกทรัมป์ว่าเป็น "คนที่ต้องการให้เราออกจากนาโต้" หรือกลุ่มสนธิสัญญาแอตเเลนติกเหนือที่เป็นเเกนความมั่นคงทางกลาโหมของโลกตะวันตก ประธานาธิบดีไบเดนเสริมว่าทรัมป์ "ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่"
นอกจากนั้นไบเดนกล่าวหาทรัมป์ว่ายุยงให้เกิดการจลาจลวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในความพยายามหยุดยั้งกระบวนการของฝ่ายนิติขัญญัติที่กำลังอยู่ในขั้นตอนยืนยันชัยชนะของไบเดนเหนือทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2020
แต่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวโทษประธานสภาผู้เเทนราษฎรในตอนนั้น ส.ส.เเนนซี เพโลซีว่าไม่ได้สั่งให้มีการรักษาความปลอดภัยล่วงหน้าอย่างเพียงพอ
เมื่อคืนนี้ไบเดนกล่าวว่าทรัมป์มีระดับคุณธรรมเทียบได้กับ "เเมวในตรอก" และโจมตีทรัมป์ว่าโดนตัดสินมีความผิดเมื่อเดือนที่เเล้วใน 34 กระทงเรื่องการบิดเบือนบันทึกทางธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปาก 130,000 ดอลลาร์ให้กับดาราหนังผู้ใหญ่ก่อนการเลือกตั้งปี 2016 ที่ทำให้ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี
ทรัมป์ปฏิเสธว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบข้ามคืนกับสตรีคนดังกล่าว
"คดีนี้จะมีการอุทธรณ์และได้รับชัยชนะ" ทรัมป์กล่าว
ในวันที่ 11 กรกฎาคม ศาลนัดให้ทรัมป์ไปรับฟังการตัดสินลงโทษ ซึ่งอาจเพียงเเค่การภาคทัณฑ์ หรือการสั่งจำคุกสูงสุด 4 ปี
อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ไม่ได้ห้ามผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญา รับตำแหน่งประธานาธิบดี
SEE ALSO: วิเคราะห์: ฉากต่อไป หลัง ‘ทรัมป์’ กลายเป็นอดีตผู้นำสหรัฐฯ คนแรกที่ต้องคดีอาญาจากพื้นที่ทำงานของสื่อมวลชนที่ห่างออกไปเพียงหนึ่งช่วงถนน การรับชมดีเบทของสื่อมวลชนหลายร้อยคนจากหลายประเทศทั่วโลกจบลงในช่วงเวลาเกือบ 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของรัฐจอร์เจีย
นอกจากที่ทั้งสองแคนดิเดทต่างผลัดกันตอบโต้กันด้วยท่าทีหลากหลาย เช่นการชี้แจงด้วยข้อมูลและประเด็นต่อคำถามเกี่ยวกับวาระสาธารณะ ยังมีการปะทะคารมด้วยเรื่องส่วนตัว เช่น ความสามารถในการเล่นกอล์ฟ และเรื่องคดีความของทรัมป์และอายุของไบเดน
ไม่เพียงเท่านั้น การวางตัวของคู่ดีเบททั้งสอง ภายใต้กติกาที่ให้ผู้ร่วมเวทีผลัดกันตอบคำถามและตอบโต้ และจะเปิดไมโครโฟนให้แก่ผู้ที่พูดอยู่เท่านั้น ก็ทำให้การโต้วาทีรอบนี้สิ้นสุดลงแบบไม่ซ้ำรอยดีเบทแรกในการเลือกตั้งปี 2020 ที่เนื้อหาและประเด็นถูกรบกวนด้วยการพูดและตะโกนแทรกกัน
ก่อนหน้าดีเบท ผลโพลล์ชี้ให้เห็นว่าไบเดนและทรัมป์มีคะเเนนสูสีกันเรื่องคะเเนนนิยมในหมู่ประชาชน
การจัดดีเบทภายใต้การบริหารจัดการและดำเนินงานโดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ดำเนินไปท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ทั้งการเสริมรั้วกั้นในพื้นที่ห้องส่งในนครแอตแลนตาที่เป็นจุดโต้วาที และการวางกำลังตรวจการณ์ของตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนกล่าวว่าชาวอเมริกันหลายล้านคนทราบเเล้วว่าตนเองจะเลือกใครเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่จำนวนมากไม่ได้ชอบทั้งทรัมป์และไบเดน
สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด หรือคนที่ไม่ได้ตามการเมืองอย่างใกล้ชิด การโต้อภิปรายของตัวเเทนพรรคอาจช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้มากขึ้น โดยการดีเบทครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นวันที่ 10 ก.ย.
- ที่มา: วีโอเอ