การโต้วาทีระหว่างตัวแทนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง (แคนดิเดต) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะเริ่มขึ้นในคืนพฤหัสบดีนี้ที่นครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ซึ่งมีประเด็นที่น่าจับตามองที่สรุปได้ 5 จุดในแง่ประเด็น การเตรียมตัว กติกา และความเห็นของสาธารณะและผู้เชี่ยวชาญ
การดีเบทที่จะมีขึ้นในนครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ที่จัดและดำเนินการโดยสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ในปีนี้ ถือเป็นกิจกรรมโต้วาทีที่จัดขึ้นเร็วที่สุดในวงรอบการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดที่มีขึ้นทุก ๆ สี่ปี โดยจะเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทรัมป์และไบเดนอีกครั้ง นับตั้งแต่การโต้วาทีเมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 และจะเป็นครั้งแรกที่ผู้ร่วมดีเบทสองคนเป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในวันพุธ การสำรวจพื้นที่ของผู้สื่อข่าววีโอเอไทย พบว่าการรักษาความปลอดภัยโดยตำรวจนครแอตแลนตาและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอกชนดำเนินไปอย่างเข้มงวด ทั้งในพื้นที่ซีเอ็นเอ็นเซ็นเตอร์ที่เป็นจุดจัดดีเบท รวมถึงแมคเคมิช พาวิลเลียน ซึ่งเป็นจุดรับรองสื่อมวลชนที่จะมารายงานข่าวการโต้วาทีซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน ท่ามกลางอากาศร้อนจัดที่ 96 องศาฟาเรนไฮต์ (ราว 35 องศาเซลเซียส)
1. ท่าที-วิวาทะสองฝ่ายก่อนลงสนาม
สองแคนดิเดตมีแนวทางการเตรียมตัวสู่เวทีดีเบทคนละแบบ โดยในช่วงที่ผ่านมา ไบเดนใช้เวลาเตรียมตัวแบบปิดเงียบกับทีมงาน ส่วนทรัมป์ใช้เวลาไปกับการเดินสายปราศรัยและพบปะผู้สนับสนุน
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์ล้อเลียนไบเดนในงานหาเสียงที่เมืองฟิลาเดลเฟียว่า “ตอนนี้ โจผู้ไม่ซื่อสัตย์ไปอยู่ในกระท่อมไม้เพื่อติว” และกล่าวด้วยว่าไบเดนต้องได้รับยากระตุ้นและพักผ่อน เพื่อที่จะได้มาออกงานดีเบทอย่างแข็งแรง
แต่การให้สัมภาษณ์ของทรัมป์ในเวลาต่อมาก็เปลี่ยนแนวทางการพูดถึงไบเดน ด้วยการยกย่องว่าประธานาธิบดีวัย 81 ปีรายนี้ จะเป็น “คู่ดีเบทที่สมศักดิ์ศรี” และกล่าวด้วยว่า “ผมไม่อยากจะประเมินเขาต่ำเกินไป”
ส่วนไบเดนนั้น กล่าวถึงทรัมป์ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ แพ้ดีเบทผมสองครั้งในปี 2020 นับจากนั้นเขาก็ไม่โผล่มาดีเบทอีกเลย” และกล่าวด้วยว่า “ตอนนี้เขา (ทรัมป์) ทำท่าเหมือนต้องการจะดีเบทกับผมอีกครั้ง”
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เอาล่ะ ช่วยจัดให้ผมหน่อย (Well,make my day pal)”
2. แนวโน้มประเด็นที่จะหยิบยกมาพูด
เป็นที่คาดกันว่าทรัมป์จะกล่าวหาไบเดนในประเด็นปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาการควบคุมผู้อพยพข้ามแดนจากชายแดนเม็กซิโก ที่ส่งผลให้มีผู้อพยพทะลักเข้าสหรัฐฯ จนไบเดนต้องออกคำสั่งคุมเข้มการผ่านแดนในช่วงเดือนนี้
ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน พยายามชี้ว่าการเพิ่มงบรายจ่ายของภาครัฐในรัฐบาลไบเดนทำให้อัตราดัชนีผู้บริโภคสูงขึ้นมากกว่า 9% ต่อปี จนประชาชนต้องเผชิญกับราคาอาหาร สินค้า และเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น แม้ว่าในเดือนพฤษภาคม เงินเฟ้อจะขยับตัวลดลงมา 3.3% ก็ตาม
ในส่วนของไบเดน เป็นที่คาดกันว่าจะจี้ทรัมป์ในประเด็นคดีความทางอาญา 34 กระทงความผิดที่คณะลูกขุนตัดสินว่ามีความผิด ในคดีเกี่ยวข้องกับความพยายามแทรกแทรงผลการเลือกตั้งในปี 2016 คดียื่นเอกสารธุรกิจปลอม และคดีให้เงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ นอกจากนั้นก็อาจจะหยิบยกคดีความที่ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาสั่งฟ้องอีกสามคดีมาย้ำเตือนต่อสาธารณะ ซึ่งรวมถึงคดีที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าพยายามเปลี่ยนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ที่ไบเดนเป็นผู้ชนะด้วย
อีกประเด็นที่ไบเดนอาจจะพูดถึงคือการแต่งตั้งตุลาการศาลสูงโดยทรัมป์จำนวน 3 คน ที่ตามมาด้วยมติการคว่ำกฎหมายประกันสิทธิการทำแท้ง โดยไบเดนเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทรัมป์จะเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยของสหรัฐฯ หากว่าทรัมป์มีโอกาส “เอาคืน” ศัตรูทางการเมืองเมื่อได้รับเลือกให้เข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
3. ความเห็นสาธารณะมีมุมมองอย่างไร
โพลสำรวจความเห็นระดับชาติบ่งชี้ว่าทรัมป์และไบเดนนั้นมีความนิยมในระดับที่สูสีกัน
นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ หลายรายระบุว่าชาวอเมริกันหลายล้านคนต่างตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใครในการแข่งขันระหว่างสองผู้ท้าชิงที่มีอายุมากที่สุด (ไบเดนมีอายุ 81 ปี ส่วนทรัมป์มีอายุ 78 ปี) แต่ก็มีฐานเสียงจำนวนมากเช่นกันที่ออกมาแสดงความเห็นว่าไม่ชอบแคนดิเดตทั้งคู่ และอาจตัดสินใจไม่ลงคะแนนเสียง หรือไม่ก็ไปเลือกผู้ลงสมัครพรรคทางเลือกหรือผู้ลงสมัครในนามอิสระแทน
อย่างไรก็ตาม การดีเบทครั้งแรกนี้อาจช่วยให้กลุ่มคนที่ยังไม่ปักใจเลือกใคร หรือคนที่ไม่ได้ติดตามการแข่งขันทางการเมืองมากนักได้พิจารณาหรือตัดสินใจไปในทางใดทางหนึ่ง
การดีเบทครั้งถัดไปจะจัดขึ้นในวันที่ 10 กันยายน
เมื่อปี 2020 มีผู้ชมการดีเบทระหว่างไบเดนและทรัมป์เป็นจำนวน 73 ล้านคน ซึ่งการโต้วาทีครั้งนั้นกลายเป็นการปะทะฝีปากประเภทแข่งกันตะโกนและพูดแทรกกัน จนนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าเป็นการดีเบทประธานาธิบดีที่แย่ที่สุด ก่อนที่การโต้วาทีครั้งถัดไปจะมีความเป็นอารยะกันมากขึ้น
4. กติกาการดีเบทแบบใหม่
กติกาใหม่ในการดีเบทในวันพฤหัสบดีก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจมีผลต่อนาฏกรรมบนเวทีในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการโต้วาทีครั้งนี้จะจัดขึ้นในห้องส่งที่สำนักงานใหญ่ของ CNN ดำเนินรายการโดยเจค แทปเปอร์ และดานา แบช สองผู้ประกาศข่าวมากประสบการณ์ และจะไม่อนุญาตให้มีผู้เข้าชมการโต้วาที ซึ่งจะทำให้การแสดงออกของไบเดนและทรัมป์ไม่มีแรงปฏิกิริยาหรือการสนับสนุนอะไรกลับมาจากในห้องส่ง
ในส่วนของเวลาในการชี้แจง เมื่อดีเบทเริ่มต้น ผู้ร่วมเวทีมีเวลา 2 นาทีเพื่อตอบคำถามของผู้ดำเนินรายการ และเมื่อตอบเสร็จ ฝ่ายตรงข้ามจะมีเวลาตอบโต้ 1 นาที ก่อนจะจบด้วยการให้ผู้ตอบคำถามใช้เวลาเพื่อตอบโต้คืนอีก 1 นาที โดยกติกานี้เป็นสิ่งที่ทั้งฝ่ายทรัมป์และไบเดนต่างให้ความเห็นชอบ
อีกส่วนหนึ่งที่ถือว่าสำคัญที่สุดก็คือ ไมโครโฟนของผู้ร่วมเวทีจะเปิดก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่จะต้องพูดเท่านั้น โดยเมื่อผู้พูดเหลือเวลาอีก 5 วินาที จะมีแสงสีแดงกระพริบเพื่อเตือนว่าเวลาใกล้หมด ก่อนที่ไมโครโฟนจะปิดลงเมื่อแสงสีแดงหยุดกระพริบ อันเป็นสัญญาณว่าหมดเวลา
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าวิธีนี้จะปิดกั้นเสียงแทรกหรือการตะโกนจากผู้ร่วมเวทีที่จะอยู่ห่างกัน 8 ฟุต (ราว 2.4 เมตร) ได้หรือไม่
การดีเบทจะใช้เวลา 90 นาที โดยจะมีการพักโฆษณาสองครั้ง ครั้งละ 3 นาทีครึ่ง โดยแคนดิเดตจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับทีมงานในช่วงพักและไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์หรือโน้ตบันทึกที่เขียนเตรียมไว้ สิ่งที่มีให้กับแคนดิเดตในการดีเบทครั้งนี้ จะมีเพียงปากกา กระดาษ และน้ำเท่านั้น
5. ผู้เชี่ยวชาญด้านโต้วาทีมองอย่างไร
แอรอน คาล ผู้ฝึกสอนการโต้วาทีจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวกับวีโอเอว่า การไม่มีผู้เข้าชมจะลดแรงจูงใจในการวางท่าแบบดุดันสุดขีด เพราะผู้โต้วาทีไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ชมที่อยู่ที่อื่นจะมีปฏิกิริยาอะไรกับสิ่งที่พูดและกระทำออกไป
เมื่อพิจารณาผู้ร่วมแข่งขันเป็นรายบุคคล คาลมองว่าไบเดนไม่ควรเผลอพูดหรือทำอะไรให้สื่อนำไปขยายผลในด้านลบในประเด็นอายุและความแข็งแรง และไบเดน “ควรย้ำเตือนผู้ชมเกี่ยวกับส่วนที่โกลาหลและย่ำแย่ที่สุดในสมัยที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี และต้องแสดงให้เห็นว่ามีพละกำลังเพียงพอสำหรับการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าในอีก 4 ปี”
ในส่วนของทรัมป์ โค้ชโต้วาทีจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนกล่าวว่า “ควรวางตัวในแบบประธานาธิบดี และอยู่เหนือการแลกเปลี่ยนวาทะที่ดุเดือด พวกเราได้เห็นทรัมป์ในเวอร์ชั่นนี้แล้วในระหว่างการพูดคุยในที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรส แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาจะสามารถอยู่ในการควบคุมได้เป็นเวลา 90 นาที ในการดีเบทกับไบเดนได้หรือไม่ เมื่อประเมินจากประวัติและความบาดหมางของทั้งสองคน”
คาลสรุปว่า “แคนดิเดตทั้งสองคนมีแรงจูงใจที่จะมีอารยะ แต่การคาดการทั้งหมดอาจจะผิดก็ได้เมื่อการโต้วาทีเริ่มขึ้น กติกาการดีเบทครั้งใหม่ของซีเอ็นเอ็น ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาและมีอารยะ แต่ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนจะเฝ้าดูว่า (ความพยายาม) นั้นจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่”
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น